Page 26 - ตามรอยพระศาสดา
P. 26
25
พระทัยพระชนกก็ดับเข็ญ พระทัยประชาบดีก็ดับเข็ญ ก็เมื่ออะไรเล่าดับ
พระทัยจึงจะได้ชื่อว่าดับเข็ญ
เมื่อพระโพธิสัตว์มีพระหฤทัยหน่ายในกิเลส จึงทรงปริวิตกว่า เมื่อ
ไฟคือราคะดับ จึงจะได้ชื่อว่าดับเข็ญ เมื่อไฟคือโทสะดับ จึงจะได้ชื่อว่า
ดับเข็ญ เมื่อไฟคือโมหะดับ จึงจะได้ชื่อว่าดับเข็ญ เมื่อกิเลสทั้งปวงอัน
มีมานะและทิฏฐิ เป็นต้น พร้อมทั้งความกระวนกระวายดับแล้ว จึง
จะได้ชื่อว่าดับเข็ญ พระนางเธอได้ทรงประกาศค�าเช่นนี้แก่เรา และเราก็
ท่องเที่ยวแสวงหาความดับ (นิพพาน) อยู่ ฉะนั้นวันนี้เราควรสละฆราวาส
ออกบวชแสวงหาพระนิพพานต่อไป จึงทรงเปลื้องมุกดาหารราคาประมาณ
แสนกษาปณ์จากพระศอ ถวายพระนางกีสาโคตมี และมีพระด�ารัสว่า นี้จง
เป็นส่วนของอาจารย์ส�าหรับพระนาง พระนางเธอทรงปีติโสมนัสอย่างยิ่ง
พระบรมโพธิสัตว์เจ้าได้เสด็จไปยังปราสาทของพระองค์ด้วยพระสิริ
โสภาคย์อันยิ่งใหญ่ แล้วเสด็จเข้าบรรทมในที่สิริไสยาสน์
ในขณะนั้นเหล่านางสนมก�านัลทั้งหลาย ต่างพากันประดับประดา
ร่างกายด้วยสรรพาภรณ์ครบถ้วน ต่างก็พากันมาขับร้อง ประโคมดนตรี
อย่างไพเราะ แต่พระโพธิสัตว์เจ้ามิได้ทรงเพลิดเพลินในการฟ้อนร�านั้น
เพราะทรงมีพระทัยหน่ายในกิเลส จึงเสด็จเข้าสู่นิทรารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง เหล่า
หญิงสนมก�านัลทั้งหลายต่างคิดกันว่า พระองค์ทรงบรรทมหลับแล้ว เราจะ
มาขับร้องบรรเลงกันให้ล�าบากท�าไม จึงต่างคนก็วางดนตรีแล้วหลับไปด้วย
ความเหนื่อยอ่อน
ขณะนั้นดวงประทีปที่เติมไว้ด้วยน�้ามันหอมยังโพลงอยู่ พระโพธิสัตว์
ตื่นบรรทมนั่งคู้บัลลังก์บนพระแท่นที่ไสยาสน์ ทอดพระเนตรเห็นหญิงสนม
ก�านัลทั้งหลายเหล่านั้นก�าลังนอนหลับทับเครื่องดนตรีอยู่ บางนางก็นอน
ตามรอยพระศาสดา