Page 30 - ตามรอยพระศาสดา
P. 30
29
เมื่อฉันนะน�าเครื่องอาภรณ์และม้ากลับไปแล้ว พระบรมโพธิสัตว์ก็
ทรงอธิษฐานบรรพชา ณ ริมฝั่งอโนมานทีนั้น จากนั้นก็เสด็จจาริกแสวงหา
โมกขธรรมไปตามล�าดับ จนกระทั่งบรรลุถึงสวนอนุปิยอัมพวัน เสด็จจาก
สวนอนุปิยอัมพวันก็บรรลุถึงกรุงราชคฤห์ ตอนเช้าได้เสด็จออกบิณฑบาตไป
ตามคามนิคมนั้น ชาวนครราชคฤห์เห็นพระรูปโฉมอันงามสง่า ต่างก็พากัน
ศรัทธาโจษขานกันไปต่างๆ นานา เมื่อเสด็จออกบิณฑบาตได้อาหารมาแล้ว
ก็ทรงบริโภค ครั้งแรกก็ทรงอึดอัดด้วยอาหารอันเป็นปฏิกูลนั้น เพราะตลอด
พระชนมายุได้ ๒๙ พระพรรษา พระองค์ไม่เคยทอดพระเนตรเห็นอาหารเช่นนี้
มาก่อนเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงประทานโอวาทแก่พระองค์เองว่า “ดูกรสิทธัตถะ
ท่านเกิดในสกุลที่มีอาหารมากสมบูรณ์หาได้ง่าย สถานที่บริโภคก็ดีมี
อาหารอันเลิศรสต่างๆ ข้าวสาลีก็มีกลิ่นหอมอบไว้ถึงสามปี ต่อมาได้เห็น
สมณะผู้ทรงศีลถือบังสุกุลเป็นวัตรรูปหนึ่ง จึงคิดว่า เมื่อไรหนอเราจึงจัก
ได้บวชเช่นนี้บ้าง เราจักเที่ยวบิณฑบาตฉัน เมื่อคิดดังนี้แล้วจึงออกบวช
บัดนี้เราจะท�าอย่างไรกับอาหารที่ได้มานี้” ครั้นพระองค์ประทานโอวาท
แก่พระองค์เองแล้ว จึงหมดความรังเกียจบริโภคอาหารนั้นจนได้
ครั้งนั้นพระเจ้าพิมพิสารราชาแห่งแคว้นมคธ ทรงทราบการโจษขาน
ของชาวนครเช่นนั้น จึงเสด็จมายังที่พ�านักของพระบรมโพธิสัตว์ ทรง
เลื่อมใสในอิริยาบถยิ่งนัก ทรงถวายอิสริยสมบัติแก่พระบรมโพธิสัตว์ แต่
พระบรมโพธิสัตว์ทรงปฏิเสธ โดยถวายพระพรว่า “ขอถวายพระพร
มหาบพิตรพระราชสมภาร อาตมภาพไม่ต้องการวัตถุกามและกิเลสกาม
อาตมภาพออกบวชก็เพื่อปรารถนาพระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณ”
แม้พระราชาจะทรงอ้อนวอนเพียงใด ก็ไม่สามารถยังพระหฤทัย
ของพระบรมโพธิสัตว์ให้ยินดีได้ จึงกราบทูลว่า “พระองค์จักได้เป็น
ตามรอยพระศาสดา

