Page 29 - ตามรอยพระศาสดา
P. 29

28


          ทอดพระเนตรแล้วด�าริว่า ถ้าเราจักผลักพระหัตถ์พระเทวีออกแล้วอุ้มโอรส

          ของเราไซร้ พระเทวีก็จะตื่นบรรทม การไปของเราก็จะเกิดอุปสรรคขึ้น
          ต่อเมื่อใดเราได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว เราจึงกลับมาเยี่ยม
          โอรสของเรา

               พระบรมโพธิสัตว์เสด็จลงจากปราสาทประทับนั่งบนหลังอัศวราช

          กัณฐกะ มุ่งออกจากพระนครพร้อมด้วยนายฉันนะ

               ครั้งนั้นมารผู้มีใจบาป กล่าวทัดทานว่า “ท่านผู้นิรทุกข์ ท่านอย่า
          ออกไปเลย จากวันนี้ไปอีกเจ็ดวัน จักรรัตนะจักปรากฏแก่ท่าน ท่านจัก

          ได้เสวยราชย์เป็นจักรพรรดิครองทวีปใหญ่ทั้งสี่ และยังมีทวีปน้อยอีก
          นับถึงสองพันเป็นบริวาร ดูก่อนท่านผู้นิรทุกข์ท่านจงกลับพระนครเถิด”

               พระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า “ดูกรมาร เราก็รู้ว่าจักรรัตนะจักเกิดแก่เรา

          แต่เราไม่ต้องการราชสมบัติ เราจักให้หมื่นโลกธาตุบันลือลั่น เราจักเป็น
          พระพุทธเจ้า”

               พระโพธิสัตว์  มิได้อาลัยทรงสละจักรพรรดิสมบัติอันจะถึง

          เงื้อมหัตถ์ ดุจบ้วนก้อนเขฬะจากปลายพระชิวหา เสด็จออกจากเมือง
          บ่ายหน้าไปทางทิศทางที่ควรไป ท่ามกลางราตรีนั้น ท้องนภากาศดาดาษ
          ด้วยนักขัตตดารา


               พระบรมโพธิสัตว์เสด็จไปด้วยสิริโสภาคย์นี้ ผ่านแดนอาณาจักรทั้ง
          สาม (เมืองกบิลพัสดุ์ เมืองสาวัตถี และเมืองเวสาลี) โดยคืนเดียวเท่านั้นก็
          บรรลุถึงริมฝั่งอโนมานที เห็นเป็นสถานที่ควรแก่การบรรพชา จึงตรัสเรียก

          นายฉันนะเข้าเฝ้า แล้วตรัสว่า “ฉันนะ เธอจงน�าเครื่องอาภรณ์ของเราและ
          ม้ากัณฐกะกลับไป เราจักบวชที่ตรงนี้”





                                  ตามรอยพระศาสดา
   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34