Page 87 - ตามรอยพระศาสดา
P. 87
86
นายอุปติสสะกับนายโกลิตะดูละครไปสักหน่อย ต่างคนต่าง
เบื่อหน่ายละคร จึงชวนกันกลับบ้าน มาระหว่างทางคุยกันถึงเหตุที่ไม่ดูละคร
คงได้ความต้องกันว่า ได้นึกถึงชีวิตหญิงคณิกาเหล่านั้นว่า เกิดมาท�าชีวิต
ให้เป็นหมัน ไม่ได้คุณงามความดีใด ๆ วุ่นอยู่แต่บ�าเรอกาม ระคนอยู่แต่
กิจอันลามก แม้ตนเองหรือชายหนุ่มทั้งหลายก็เปรียบได้ด้วยผู้สมรู้โจร
คือช่วยหญิงคณิกาเหล่านี้ได้ประกอบกรรมท�าชั่วอยู่เป็นนิจกาล ไม่เป็นการ
สมควร สองสหายนึกถึงตนว่าหาสาระมิได้ คิดจะแสวงหาโมกขธรรม
(ธรรมอันท�าให้ผู้รู้บริสุทธิ์) จึงชวนกันบวช
ในสมัยนั้น ส�านักบวชหรือศาสนาที่ลือชื่ออันเกิดก่อนศาสนาพุทธ
ได้แก่ปริพาชก ซึ่งมีสัญชัย เป็นอาจารย์ อยู่ในเมืองราชคฤห์นี้ ทั้งสอง
สหายจึงชวนกันไปบวชเป็นปริพาชกในส�านักอาจารย์สัญชัย บวชพร้อมกับ
บริวารของตนคนละกึ่ง รวมบริวาร ๕๐๐ คน ทั้งสองหนุ่มเป็นคนมั่งมีชั้น
สูง มีคนรู้จักเป็นอันมาก เมื่อออกบวช คนมาท�าบุญติดต่อมาก เลยเกิดลาภ
สักการะและยศแก่สัญชัยผู้เป็นอาจารย์ยิ่งกว่าแต่ก่อน
ทั้งสองหนุ่มเป็นคนฉลาด บวชอยู่ได้สองสามวันก็รู้ตลอดในลัทธิ
ของสัญชัย จึงถามอาจารย์ว่า “ลัทธิของท่านมีเท่านี้หรือ หรือยังมียิ่ง ๆ
ขึ้นไปกว่านี้ประการใด”
อาจารย์ตอบว่า “ลัทธิที่เรารู้ทั้งปวง ท่านก็รู้สิ้นแต่เท่านั้น”
สองหนุ่มมาด�าริกันว่า พรหมจรรย์ในส�านักอาจารย์นี้หาประโยชน์
มิได้ ไม่บังเกิดโมกขธรรม และชมพูทวีปนี้กว้างใหญ่ ควรเราจะเที่ยวไปสู่
คามนิคม ชนบทธานีใหญ่น้อยทั้งปวง คงจะได้พบอาจารย์ผู้รู้ และแสดง
โมกขธรรมแก่เราได้ จ�าเดิมแต่นั้นมา ทั้งสองสหายก็ออกค้นหาอาจารย์ที่จัก
แสดงโมกขธรรม ครั้นไม่พบจึงพากันกลับมา และอยู่กับสัญชัยอาจารย์
ตามรอยพระศาสดา