Page 30 - รายงานเขมร
P. 30

30


               ปรำสำทบันทำยสรี


                       สร้ำงในต้นพุทธศตวรรษที่ 16 รัชสมัยของพระเจ้ำรำเชนทรวรมันที่ 2 และพระเจ้ำชัยวรมันที่ 5 เป็น

               ศิลปะแบบบันทำยสรี ศำสนำฮินดู ไศวนิกำย (บูชำพระศิวะ)  ตำมจำรึกที่ปรำสำทบันทำยสรีกล่ำวว่ำ

               ปรำสำทแห่งนี้สร้ำงใน พ.ศ. 1510 โดยยัชญวรำหะ ซึ่งเป็นพรำหมณ์นักปรำชญ์ เมื่อพระเจ้ำรำเชนทรวรมันที่

               2 เสด็จสวรรคต พระเจ้ำชัยวรมันที่ 5 ซึ่งเป็นรำชโอรสจึงขึ้นครองรำชย์แทน เนื่องจำกพระเจ้ำชัยวรมันที่ 5

               ยังทรงพระเยำว์อยู่ พรำหมณ์ยัชญวรำหะ จึงได้ท ำหน้ำที่เป็นทั้งผู้ส ำเร็จรำชกำรแทนพระองค์และเป็นพระ

               อำจำรย์ให้กับพระเจ้ำชัยวรมันที่ 5 ไปพร้อมๆ กัน พรำหมณ์ยัชญวรำหะได้ทูลขอที่ดินแปลงหนึ่งจำกพระเจ้ำ
               ชัยวรมันที่ 5 เพื่อมำสร้ำงปรำสำทเพื่อบูชำพระศิวะ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของรำษฎรและเป็นที่น่ำสังเกตว่ำ

               ปรำสำทที่พระเจ้ำแผ่นดินสร้ำง กับปรำสำทที่เสนำบดีหรือข้ำรำชกำรชั้นสูงสร้ำงจะต่ำงกันที่ฐำน ปรำสำทที่

               พระเจ้ำแผ่นดินสร้ำง จะสร้ำงอยู่บนฐำนที่ท ำเป็นชั้นสูง หรือสร้ำงบนเนินเขำดังเช่น นครวัด ที่ส่วนปรำงค์

               ประธำนจะต้องตั้งอยู่ฐำนชั้นสูงหรือที่พนมบำแค็ง ที่ปรำสำทสร้ำงอยู่บนเนินเขำ ส ำหรับปรำสำทบันทำยสรี

               ผู้สร้ำงเป็นรำชครู จึงต้องสร้ำงปรำสำทบนเนินดินอำจท ำเป็นฐำนเตี้ยๆ ยกพื้นขึ้นเพื่อรองรับตัวปรำสำท

               เท่ำนั้น


                       ปรำสำทบันทำยสรี เป็นเทวสถำนขนำดเล็ก แต่มีควำมงำมทำงด้ำนลวดลำยเป็นเลิศ ศิลปะมีลักษณะ

               พิเศษจนต้องจัดเป็นศิลปะสมัยหนึ่งโดยเฉพำะ ศิลปะแบบบันทำยสรีถูกจัดให้อยู่ในยุครำว พ.ศ. 1510-1550

               ก่อสร้ำงด้วยหินทรำยสีชมพู เนื้อละเอียด กำรสลักลวดลำยดูอ่อนช้อย ลำยคมชัด ดูมีชีวิตชีวำ

                       ภำพสลักพระศิวะนำฎรำช เมื่อผ่ำนโคปุระซึ่งเป็นกรอบประตูมีควำมสูงประมำณ 2.50 เมตร ทำงเข้ำ

               ปูลำดด้วยหินทรำย กว้ำงประมำณ 60 เซนติเมตร ยำวประมำณ 1 เมตร ไปตลอดแนวประมำณ 40 เมตร สอง

               ข้ำงทำงมีเสำนำงเรียงสูงประมำณ 1.50 เมตร ไปจนถึงโคปุระชั้นใน ที่หน้ำจั่วของโคปุระชั้นในนี้เป็นลำย
               ก้ำนขดคล้ำยกับปั้นลมที่ปรำสำทเขำพระวิหำรมำก เพียงแต่ที่ปรำสำทบันทำยสรีมีขนำดเล็กกว่ำ

                       หน้ำบันของโคปุระชั้นใน สลักเป็นภำพพระคชลักษณมี ในภำพพระลักษณมีประทับอยู่ตรงกลำง

               มีคชสำรสองเชือกชูงวงประสำนกันโดยรอบเป็นลวดลำยพฤกษำนำนำพรรณ สลักได้คมชัดและดูอ่อนช้อย

               ที่ทับหลังท ำลวดลำยพวงมำลัย ลักษณะเด่นของศิลปะแบบบันทำยสรีตรงกลำงพวงมำลัยสลักให้แอ่นอ่อน

               ลงมำ ไม่ท ำเป็นแนวตรงๆ ดังศิลปะยุคอื่นๆ เมื่อเข้ำสู่โคปุระชั้นในจะพบว่ำส่วนฐำนของปรำสำท

               ประดิษฐำนด้วยเทวำลัยอยู่ตรงหน้ำ มีประติมำกรรมลอยตัวรูปโคนนทิ ด้ำนหลังของเทวำลัยมีปรำสำทสำม

               หลังอยู่บนฐำนเดียวกัน มีหอบรรณำลัย(ห้องสมุด)อยู่ทั้งซ้ำยและขวำ

                       จุดเด่นของโคปุระ อยู่ที่หน้ำบัน มีภำพสลักพระศิวนำฎรำช ภำพกำรร่ำยร ำของพระศิวะนับว่ำมี

               บทบำทส ำคัญในคติควำมเชื่อของผู้นับถือศำสนำฮินดู ลัทธิไศวนิกำย พระศิวะในภำพหนึ่งเศียร สิบกร พระ

               เกศำทรงฏำมกุฎ ร่ำยร ำอยู่เหนือพวงพฤกษำกำรร่ำยร ำของพระศิวะเป็นที่เลื่องลือและยกย่องของเหล่ำ
   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35