Page 245 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 245

เหมือนกัน เราก็ต้องทำสมาธิด้วยการสวดมนต์สวดมนต์นี่แหละ มันจะเกิดศรัทธาพละ คือเกิดความ

               เชื่อมั่นว่าเราจะต้องเกิดสมาธิแน่นอน  มันจะต้องเกิดพลังจิตแน่นอน  มันจะเกิดกระแสจิตแน่นอน

               มันจะเกิดปัญญาแน่นอน มันคิดอย่างนี้ เมื่อคิดได้ดังนี้ มันก็สวด ที่นี้พอส่วนมากเข้ามากเข้ามากเข้า

               กระแสจิตมันก็เพิ่มมากขึ้น ที่นี้อารมณ์อะไรจะเข้าทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ

               มันก็จะแยกแยะได้ มันก็จะเลือกเฟ้นเอาอารมณ์ที่ดีเข้าสู่จิต เมื่อเลือกเฟ้นอารมณ์ดี ๆ เข้าสู่จิตจิต

                                                  ์
               ก็จะแช่มชื่น  จิตร่าเริง  ที่พระอาจารยบอกแล้วบอกอีกว่า  “จิตใสเป็นบุญ  จิตขุ่นเป็นบาป  “  นั่น
                                  ุ
               แหละ สาธุ สาธุ สาธ อนุโมทามิ ต่อแต่นี้ไปจะพาท่านทั้งหลายนั่งสมาธ  ิ






                        ธรรมะบรรยาย                                                            ๐๙๙

                        ท่านเจ้าคุณ พระราชปัญญาวชิโรดม

                                                                                        ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๔



                     การแผ่เมตตาพิเศษที่หลวงพ่อพาสวดหลังจากนั่งสมาธิแล้ว  ท่านใดไม่เคยสวดก็ให้นึกตามก็

               แล้วกัน ท่านใดที่เคยสวดก็สวดพร้อม ๆ กันได้ ปลื้มใจวันนี้มีคนร่วมสวดมนต์ ๖๙๐ คน บวกพวก

               เราอีก ๖ ก็เป็น ๖๙๖ คน ขอบรรยายธรรมะเล็กน้อยสัก ๕ นาที ก่อนจะให้พร การสวดมนต์นี่เป็น

                                                                   ้
               การเพิ่มพูนบุญกุศลให้แก่ตนเอง มีครั้งหนึ่งหลวงพ่อ เจาประคุณ สมเด็จพระญาณวชิโรดม เล่าให้
                                                                                                  ั
               ฟังเรื่องพระมหากัสสปะ พระมหากัสสปะเป็นพระมหาเถระผู้ใหญ่ซึ่งพระพุทธเจ้ามอบผ้าสงฆาฏิให้
                                                ่
               ถือว่าพระองค์ทรงไว้พระทัยเป็นอยางยิ่ง  ถือว่าพระมหากัสสปะนี่เป็นพระเถระที่เคร่งครัดในเรื่อง
                                                                ่
               ธุดงควัตร ท่านจะไม่ค่อยอยู่ในเมือง ท่านชอบอยู่ในปา ท่านจะเคร่งครัดในการปฏิบัติธุดงค์ ทีนี้วัน
               หนึ่งท่านเข้านิโรธสมาบัติ ๗ วัน ๗ คืน ไม่ออกจากนิโรธสมาบัติคือ นั่งสมาธ ๗ วัน ๗ คืน พอออก
                                                                                     ิ
               จากนิโรธสมาบัติแล้วท่านก็พิจารณา ใครหนอที่มีความยากที่มีความลำบากก็จะไปโปรดคนนั้น คน

               ยากจนท่านก็พิจารณา ท่านไปเดินชายเขาห่างหมู่บ้าน น่าจะมีคนอยู่ชายเขาที่ลำบากยากจน ท่าน

               ก็เลยเดินทางมาที่นี้  ท้าวสักกะเทวราชหรือพระอินทร์นี่รู้ความปริวิตกของพระมหากัสสปะคือท่าน

               มีความทุกข์ใจ  เทวดาก็มีความทุกข์ใจด้วย  ท้าวสักกะเทวราชมีความทุกข์ใจเรื่องเทพบุตรองค์หนึ่ง

               ที่เกิดขึ้นมาชั้นสวรรค์ดาวดึงส์ของท่าน  มีรัศมีออกจากกายสมมุติยังท้าวสักกะเทวราช  ท้าวสักกะ

               เทวราช นี่ท่านปกครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท่านมีรัศมีออกจากกายนี่ประมาณ ๑,๐๐๐ วัตต์ ส่วน



                                                          ๒๔๕
   240   241   242   243   244   245   246   247   248   249   250