Page 4 - เนื้อหางานไจก้า 03-11-17.indd
P. 4
➥ กิจกรรมนี้ไม่เพียงแค่หาข้อดีของตนเอง แต่ยังสามารถยืนยันข้อดีของตนเอง ➥ ทุกคนจะมีวันที่เรารู้สึกถึงความรู้สึกนับถือตนเองแบบไม่มีเงื่อนไขปีละครั้ง วันนั้น คือ วันเกิด กรุณาฉลองวัน
รอบ 2 โดยฟังผู้ฟังพูดถึงข้อดีของเราด้วยค าพูดอื่นอีกรอบหนึ่ง เกิดให้เด็ก ๆ ที่ตกเป็นผู้เสียหายด้วยกันที่ศูนย์ ฯที่เด็ก ๆ อาศัยอยู่ ซึ่งจะช่วยน าไปสู่การเสริมสร้างความรู้สึกนับถือ
ตนเองแบบไม่มีเงื่อนไข
➥ เด็ก ๆ ที่ตกเป็นผู้เสียหายคงจะไม่ค่อยมีประสบการณ์ที่ตนเองเป็นที่ยอมรับ
ของคนรอบข้าง คงจะมีแต่ประสบการณ์ที่เป็นฝ่ายถูกท าร้าย
○ ความรู้สึกนับถือตนเองแบบมีเงื่อนไข ⇒ ความรู้สึกนับถือตนเองแบบอิงสังคม
➥ เคล็ดลับที่จะท าให้เราหาข้อดีของตนให้ได้หลายข้อ คือ การเปลี่ยนวิธีการคิด ความรู้สึกนับถือตนเองจากพื้นฐานภายในนั้นเป็นความรู้สึกในขั้นต้น จากนั้นความรู้สึกนับถือตนเองแบบมีเงื่อนไขก็
(มุมมอง) จะค่อยๆ สั่งสมเพิ่มพูนขึ้นไปทีละน้อย
เช่น หัวแข็ง → มุ่งมั่น เป็นความรู้สึกนับถือตนเองที่เกิดจากการเปรียบเทียบกับผู้อื่น
การมีความมั่นใจในตัวเองท าให้เรารู้สึกว่าเรามีคุณค่า เช่น เราท าอะไรได้ เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นแล้ว เราเป็น
➥ การเปลี่ยนมุมมอง วิธีคิด ท าให้ข้อเสียกลายเป็นข้อดีได้ จ าเป็นจะต้องมี
อย่างไร
ผู้ใหญ่ที่สามารถช่วยหาข้อดี และยอมรับข้อดีของเด็กอยู่รอบข้างเด็กด้วย
“มีสิ่งที่เราท าได้” “เรามีประโยชน์” “เรามีคุณค่า” “เราเหนือกว่าผู้อื่น”
➥ ถ้าตัวเราเองไม่มีความตระหนักรู้ว่าตนเป็นผู้มีความส าคัญ เวลาที่เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน จะไม่เกิดพลังในการปัดการ
คุกคามนั้นให้หลุดพ้นออกไปได้
➥ วิทยากรวาดถังแห่งอารมณ์ความรู้สึกลงบนกระดาษฟลิปชาร์ท
เกี่ยวกับควำมรู้สึกนับถือตนเอง (สรุปเนื้อหาส าคัญ 1 การเสริมสร้างพลังอ านาจ และความรู้สึกนับถือตนเอง) มีความรู้สึกต่าง ๆ อยู่ในถัง เช่น ความกังวล ความกลัว ความอาย ฯลฯ
นี่เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่รู้สึกตอนที่มีอันตรายเข้ามาใกล้ผู้ได้รับความเสียหาย ถ้าตระหนักรู้ถึงความรู้สึกดังกล่าว ก็จะรู้ได้ว่า
ควำมรู้สึกนับถือตนเอง (Self-esteem) คือ
ก าลังมีอันตรายเข้ามาใกล้ตัว หรือตอนนี้ตกอยู่ในอันตรายแล้ว กล่าวคือ อารมณ์ความรู้สึกท าหน้าที่ส่งสัญญาณบอกให้เรารู้
○ ความรู้สึกในการประเมินคุณค่าตนเอง ถึงสภาพปัจจุบัน
○
ใบงาน 4
○ การอนุญาตให้ “ตนเองแตกต่างจากผู้อื่น” ได้ และมีความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง = การยอมรับตนเอง
○ การที่คิดได้ว่าผู้อื่นที่นอกเหนือไปจากตนเองก็สามารถคิดได้เช่นกันว่า “ฉันเป็นตัวของฉันเอง” = การยอมรับผู้อื่น ➥ สิ่งส าคัญ คือ รู้สึกและรับรู้ได้ถึงสัญญาณอันตรายดังกล่าว และรู้สึกโกรธอย่างมีเหตุมีผลเพื่อส่งสัญญาณหยุด (NO) ให้อีก
○ เป็นสิ่งส าคัญในการรักษาไว้ซึ่งสุขภาพกายและใจที่ดี เช่นเดียวกันกับความรู้สึกต่อตนเองในเชิงบวก ฝ่ายรับรู้ ความโกรธอย่างสมเหตุสมผลดังกล่าว คือ ความโกรธที่สื่อว่า “จะท าอะไรกับคนส าคัญอย่างฉันหรือ”
ควำมรู้สึกนับถือตนเองมี 2 ประเภท (แบบมีเงื่อนไข และแบบไม่เงื่อนไข) ถ้าไม่ตระหนักว่าตนเองเป็นคนส าคัญ (อยู่ในสภาพที่มีความรู้สึกนับถือตนเอง) ความโกรธดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้น
○ ความรู้สึกนับถือตนเองแบบไม่มีเงื่อนไข ⇒ ความรู้สึกนับถือตนเองจากพื้นฐานภายใน ➥ การเสริมสร้างพลังอ านาจ คือ การน าพาตนเองออกมาจากความรู้สึกไร้พลังอ านาจ
ความรู้สึกยอมรับทั้งข้อดีและข้อเสียของตน และคิดได้ว่า “เป็นเราอย่างนี้ดีแล้ว” “แบบนี้ก็มีความสุขเพียงพอแล้ว”
โดยไม่สนใจผู้อื่นหรือสังคมภายนอก ท าอย่างไรถึงจะเช็คได้ว่าตัวเองถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอยู่หรือไม่
“ดีจังที่ได้เกิดมา” “ไม่ว่าจะท าอะไรได้หรือไม่ได้ เราก็มีคุณค่าของเรา”
“เราเป็นตัวของเราเอง” ➥ วิทยากรวาดถังแห่งอารมณ์ความรู้สึกใบใหม่ลงบนกระดาษฟลิปชาร์ท
เป็นความรู้สึกจากส่วนลึกในใจของตน ที่จริงแท้แน่นอนและปราศจากเงื่อนไขใด ๆ ไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร เช็คดูว่ามีความรู้สึกเบิกบานใจอยู่ในนี้หรือไม่ เช่น อิสระ ความสบายใจ ความมั่นใจ สนุก ดีใจ ฯลฯ
เวลาที่มีอารมณ์ความรู้สึกลักษณะนี้อยู่ โอกาสในการละเมิดสิทธิมนุษยชนจะมีน้อย
ถ้าคิดถึงความรู้สึกนับถือตนเองแบบไม่มีเงื่อนไขไม่ได้ ก็จะน าไปสู่ความคิดว่าเราไม่ต้องอยู่บนโลกนี้ก็ได้ ซึ่งจ าเป็น แต่ถ้าไม่รู้สึกถึงอารมณ์ลักษณะนี้เลย และมีแต่อารมณ์ความรู้สึกเศร้า ทรมาน หวาดกลัว อับอาย ฯลฯ เข้ามาอยู่ในถัง ก็มีโอกาส
จะต้องเพิ่มความรู้สึกนับถือตนเองแบบไม่มีเงื่อนไขให้สูงขึ้นและด ารงชีวิตต่อไป ที่จะถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนได้
อารมณ์ความรู้สึกดังกล่าวเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นได้ด้วยตา เราจะรู้สึกถึงความรู้สึกดังกล่าวได้ด้วยการมีสติตระหนักรู้เท่านั้น
26 27