Page 31 - รวมถอดบทเรียน CAST
P. 31
๓๐
ึ่
ขั้นที่ ๗ เก็บรักษา ขั้นต่อไปหลังจากสามารถพงตนเองได้ พอมี พอเหลือท าบุญ
็
ท าทานแล้ว คือ การรู้จักเกบรักษา ซึ่งเป็นการตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และการรู้จักเกบรักษา ยังเป็นการสร้าง
็
รากฐานของการเอาตัวรอดในเวลาเกิดวิกฤตการณ์ โดยยึดแนวทางตามวิถีชีวิตชาวนาสมัยก่อนซึ่งเก็บรักษาข้าว
ไว้ในยุ้งฉาง เพื่อให้พอมีกินข้ามปี คัดเลือกและเก็บรักษา “ข้าวพันธุ์” ไว้ส าหรับเป็นพนธุ์ข้าวในปีต่อไปซึ่งผิดกับ
ั
ั
วิถีชาวนาในปัจจุบันที่ใช้วิธีการขายข้าวทั้งหมด แล้วน าเงินที่ขายได้ไปซื้อพนธุ์ข้าวเพอปลูกในปีต่อไปส่งผลให้
ื่
เกิดการขาดความมั่นคงและเปรียบเสมือนการใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางสายความประมาท เพราะหากเกิดภัยแล้ง
ั
น้าท่วม ผลผลิตไม่ได้ตามที่ตั้งใจไว้ ย่อมหมายถึงปัญหาหนี้สินและการขาดแคลนพนธุ์ข้าวส าหรับปลูกในปีต่อไป
นอกจากเก็บพันธุ์ข้าวแล้ว ยังเน้นให้รู้จักวิธีการถนอมอาหาร การสะสม อาหาร ไว้กินในยามหน้าแล้ง ด้วยการ
แปรรูปอาหารหลากชนิด อาทิ ปลาร้า ปลาแห้ง มะขามเปียก พริกแห้ง หอมกระเทียม เพื่อเก็บไว้กินในอนาคต
ขั้นที่ ๘ ขาย เนื่องจากเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่เศรษฐกิจการค้า แต่ก็ไม่ใช่เศรษฐกิจ
หลังเขาการค้าขายสามารถท าได้ แต่ท าภายใต้การรู้จักตนเอง รู้จักพอประมาณ และท าไปตามล าดับ โดยของที่ขาย
ิ
คือ ของที่เหลือจากทุกขั้นแล้วจึงน ามาขาย เช่น ท านาอนทรีย์ ปลูกข้าวปลอดสารเคมี ไม่ท าลายธรรมชาติ
ได้ผลผลิตเก็บไว้พอกิน เก็บไว้ท าพันธุ์ ท าบุญ ท าทาน แล้วจึงน ามาขายด้วยความรู้สึกของการ “ให้” อยากที่จะ
ให้สิ่งดี ๆ ที่เราปลูกเอง เผื่อแผ่ให้กับคนอื่น ๆ ได้รับสิ่งดี ๆ นั้น ๆ ด้วยการค้าขายตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพยง
ี
ุ้
ื่
จึงเป็นการค้าที่มองกลับด้าน “เพราะรักคุณจึงอยากให้คุณได้รับในสิ่งดี ๆ” พอเพยงเพออมชู เผื่อแผ่ แบ่งปัน
ี
ไปด้วยกัน
ขั้นที่ ๙ เครือข่ายกองก าลังเกษตรโยธิน คือการสร้างกองก าลังเกษตรโยธิน หรือการสร้าง
ื่
เครือข่ายเชื่อมโยงทั้งประเทศ เพอขยายผลความส าเร็จตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพยง สู่การปฏิวัติแนวคิด
ี
และวิถีการด าเนินชีวิตของคนในสังคม ในชุมชน เพอการแก้ปัญหาวิกฤต ๔ ประการ อันได้แก่ วิกฤตการณ์
ื่
ื
สิ่งแวดล้อม ภัยธรรมชาติ วิกฤตการณ์โรคระบาดทั้งในคน สัตว์ พช วิกฤตเศรษฐกิจ ข้าวยากหมากแพงวิกฤต
ความขัดแย้งทางสังคม ซึ่งเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ได้น้อมน าศาสตร์พระราชามาสู่
การปฏิบัติในระยะเวลากว่า ๓๐ ปีที่ผ่านจนได้ผลจริงในการปฏิบัติเพอแก้ไขปัญหาทั้งด้านดิน น้า ป่า และคน
ื่
ั
จนพฒนาเป็นหลักการ แนวปฏิบัติตามศาสตร์พระราชา อย่างเป็นขั้นเป็นตอน เรียกว่า “ทฤษฎีบันได ๙ ขั้นสู่
ความพอเพียง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
ขั้นตอนที่ ๕ วิทยากรน าเข้าสู่ประเด็น “หลักกสิกรรมธรรมชาติ” ด้วยการถามว่า “เกษตรกรรม
กับกสิกรรม ต่างกันอย่างไร” ซึ่งค าว่า กสิกรรม มาจากค าบาลีว่า กสิกมฺม (อานว่า กะ-สิ-กัม-มะ) ซึ่งหมายถึง
่
ั
ั
การเพาะปลูก การไถ ความเป็นองหนึ่งอนเดียวกันกับธรรมชาติ และในส่วนค าว่า เกษตรกรรม หมายถึงการกระท า
ค าว่า เกษตรกรรม ใช้ตรงกับค าภาษาอังกฤษว่า agriculture จากความหมายของฝรั่ง แปลว่า “รวย” เป็นการใช้
ประโยชน์จากที่ดิน เช่นการเพาะปลูกพืชต่าง ๆ การป่าไม้ รวมทั้งการเลี้ยงสัตว์ และการประมง เพื่อผลผลิต
หัวใจของหลักกสิกรรมธรรมชาติ คือ “เลี้ยงดินให้ดินเลี้ยงพช” เราไม่เผา ไม่ท าลายหน้าดิน
ื
ไม่ปอกเปลือกเปลือยดิน แต่น าเศษไม้ ใบหญ้า เศษฟาง มาห่มดินไว้และรดด้วยน้ าปุ๋ยน้ าหมักแห้งชาม น้ าชาม
แล้วปล่อยให้จุลินทรีย์ท าหน้าที่ของมัน นั่นคืนหลักการคืนชีวิตให้แผ่นดิน เพราะดินมันตายแล้วดินตายหมายถึง