Page 351 - คู่มือตุลาการ เล่มที่ 1 วิ.แพ่ง มีสารบัญ ebook
P. 351
คู่มือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๓๒๓
ถ้าไม่รับ สั่งว่า “ค าร้องของผู้ร้องไม่มีเหตุตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๕๗ (๑) จึงไม่รับ
ค าร้อง คืนค่าขึ้นศาลให้ผู้ร้องทั้งหมด”
ข้อสังเกต
๑. ร้องสอดว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องไม่ใช่ของจ าเลย เป็นการร้องสอดตาม
ป.วิ.พ. มาตรา ๕๗(๑) (ฎีกาที่ ๙๑๗/๒๔๙๓, ๔๖/๒๔๙๕)
๒. โจทก์จ าเลยยอมกันเพื่อโอนทรัพย์สินของจ าเลยไปให้พ้นจากการบังคับคดี
ผู้เสียหายฐานยักยอกทรัพย์ร้องสอดในคดีแพ่งได้ (ฎีกาที่ ๑๔๖๔/๒๕๐๓ ประชุมใหญ่)
๓. ผู้ร้องร้องสอดว่าทรัพย์สินที่ศาลสั่งอายัดชั่วคราวเป็นของผู้ร้อง เป็นการร้องสอด
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๕๗ (๑) (ฎีกาที่ ๒๒๔/๒๕๒๔) แต่มีฎีกาที่ ๗๗๘/๒๕๐๓ วินิจฉัยว่ากรณีเช่นนี้
เป็นเรื่องร้องขัดทรัพย์ และฎีกาที่ ๕๙๗/๒๕๓๐ วินิจฉัยว่าเจ้าของทรัพย์สินที่ถูกศาลสั่งยึด
หรืออายัดชั่วคราวร้องขอเพิกถอนได้ (ตามมาตรา ๒๖๑)
๔. โจทก์ฟ้องบริษัทเป็นจ าเลยขอให้เพิกถอนมติประชุมใหญ่บริษัทที่ตั้งผู้ร้อง
เป็นกรรมการว่ามตินั้นไม่ชอบ ผู้ร้องร้องสอดเข้ามาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๕๗ (๑) (ฎีกาที่
๑๕๓๗/๒๕๑๔)
๕. เป็นดุลพินิจของศาลที่จะอนุญาตให้บุคคลภายนอกร้องสอดเข้ามาในคดี
หรือไม่ก็ได้ โดยพิจารณาว่ามีเหตุสมควรหรือไม่ (ฎีกาที่ ๙๒๕/๒๕๐๘) โดยถือหลักว่า
หากอนุญาตให้มีการร้องสอดเข้ามาแล้วจะต้องเริ่มต้นท าการสืบพยานกันใหม่อีก ก็ไม่ควร
อนุญาต เช่น ผู้ร้องร้องสอดเข้ามาตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๕๗ (๑) โดยยื่นค าร้องหลังจากทราบว่า
โจทก์และจ าเลยเป็นความกันมานาน ๕ ปีแล้ว และสืบพยานโจทก์แล้ว ๑๔ นัด สืบพยานจ าเลย
ไปแล้ว ๒๙ นัด ดังนี้ ศาลไม่อนุญาต (ฎีกาที่ ๑๓๕๕/๒๕๒๑) คดีที่มีการรวมการพิจารณา
เก้าส านวนเข้าด้วยกัน หากอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม ซึ่งศาลก็ต้องให้
โจทก์จ าเลยยื่นค าให้การแก้ข้อกล่าวหาด้วย จึงอาจก่อให้เกิดความยุ่งยากสับสนในการด าเนิน
กระบวนพิจารณา ชอบที่ศาลจะใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม
ตามมาตรา ๕๗ (๑) (ฎีกาที่ ๑๑๑๓/๒๕๓๕, ๗๕๘๔- ๗๕๙๒/๒๕๔๐)
๖. จ าเลยเดิมขาดนัดยื่นค าให้การ ผู้ร้องสอดตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๕๗ (๑) มีสิทธิ
เข้าเป็นคู่ความได้ (ฎีกาที่ ๗๙๗/๒๕๑๕ และ ๑๗๒/๒๕๒๐)
๒. การร้องสอดเข้าเป็นคู่ความร่วมกับโจทก์หรือจ าเลย (มาตรา ๕๗ (๒))
๒.๑ การร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความร่วม ตามมาตรา ๕๗ (๒) นั้นต้องเข้ามาโดยสมัครใจ
และมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีนั้น หมายถึงว่าจะต้องเป็นผู้ถูกกระทบกระเทือน