Page 134 - สรป 4Y กมธ กิจการเด็กฯ ชุด 25
P. 134
หน้า ๑๒๒ ส่วนที่ ๓
๖. คณะกรรมาธิการขอฝากความหวังไว้กับวาระแห่งชาติ เรื่อง การป้องกันและแก้ไขปัญหา
การข่มขืนกระท าช าเราและการล่วงละเมิดทางเพศ ที่จะท าให้เกิดความร่วมมือกันในการท างานระหว่าง
หน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงการผลักดันให้เกิดผลในทางปฏิบัติ เกิดการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องและเห็น
ทิศทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันของทุกภาคส่วนในอนาคต
ี
๗. ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน ๑๓๐๐ มีบุคคลากรไม่เพยงพอ และบางส่วนไม่มีความช านาญ
ในด้านกฎหมาย การให้ค าปรึกษา และมีบางส่วนใช้ถ้อยค าที่ไม่เหมาะสมในการสอบถาผู้เสียหาย ยังไม่มี
ความเข้าใจหรือมีความเชี่ยวชาญพอในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความผิดเกี่ยวกับเพศ เช่น ใช้ค าถามว่า “ต้องมี
หลักฐานนะ” “จริงหรือเปล่า” “ท าไมไม่ไปแจ้งความฯ” เหล่านี้ต้องเปลี่ยนถ้อยค าที่เหมาะสมทั้งสิ้น และ
การสร้างภาคีเครือข่ายเข้ามาช่วยกันท างานในศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน ๑๓๐๐ ยังไม่มีความชัดเจน
ื่
ั
ั
ควรมีการพฒนางานในด้านนี้รวมถึงการประชาสัมพนธ์ให้ประชาชนทราบเพอเข้ามาใช้บริการมากขึ้นด้วย
ไม่ใช่เพียงภารกิจสงเคราะห์แต่เป็นทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
๘. กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ต้องเป็นหน่วยงานบริหารจัดการปัญหาจนเสร็จสิ้น
กระบวนการ ตั้งแต่กระบวนการยุติธรรมที่จะน าตัวผู้กระท าผิดมารับโทษ มีการช่วยเหลือทั้งในด้านคดีความ
เจ้าหน้าที่ต ารวจ ทนายความ อรรถคดีต่าง ๆ และกระบวนการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีหลาย
หน่วยงานที่มีภารกิจหน้าที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียหาย ทั้งในส่วนงานหรืออาชีพของผู้เสียหาย สุขภาพอนามัย
ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านครอบครัว เครือข่ายที่ให้การช่วยเหลือ เหล่านี้ล้วนแต่ต้องใช้กระบวนการในการ
บริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพทั้งสิ้น
ิ
ต่อมา ได้เชิญผู้บัญชาการต ารวจแห่งชาติ มาให้ข้อมูลประกอบการพจารณาของคณะกรรมาธิการ
ั
สืบเนื่องจากด าเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพนธ์ ๒๕๖๔ เรื่อง แนวทางป้องกันและแก้ไข
ปัญหาการข่มขืนกระท าช าเราและการล่วงละเมิดทางเพศในภาพรวม และที่ประชุมได้ร่วมกันตั้งข้อสังเกต
เกี่ยวกับกระบวนการสอบสวนความผิดเกี่ยวกับเพศที่ต้องมีพนักงานสอบสวนที่เป็นสตรี เป็นเรื่องส าคัญ
ที่ไม่ควรถูกละเลยและต้องมีสตรีเข้าไปมีส่วนร่วมมากที่สุดเพราะผู้หญิงจะมีความละเอียดอ่อนและเข้าใจ
ความเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และอาจมีการพฒนาไปถึงเพศทางเลือกที่มีความเข้าใจในเรื่องนี้ด้วย อีกทั้ง
ั
ยังมีความเห็นว่า ส านักงานต ารวจแห่งชาติ ควรมีแนวนโยบายที่ชัดเจนในการแบ่งหน้าที่ภารกิจความรับผิดชอบ
ของพนักงานสอบสวนหญิง ไม่ให้เกิดภาระหนักจนเกินไปและถูกระบบงานผลักดันให้ออกจากงานในเรื่อง
ที่เกี่ยวข้องกับสตรีโดยตรงที่มีความละเอียดอ่อน และต้องมีนโยบายที่ชัดเจนในการพฒนาพนักงาน
ั
สอบสวนหญิงในปัจจุบันและในอนาคตว่าจะด าเนินการในเรื่องนี้อย่างไร สรุปสาระส าคัญ ได้ดังนี้
ผู้แทนผู้บัญชาการต ารวจแห่งชาติ ได้ให้ข้อมูลต่อที่ประชุมว่า ส านักงานต ารวจแห่งชาติ
ได้เล็งเห็นถึงความส าคัญเกี่ยวกับการด าเนินคดีเกี่ยวกับเพศหรือคดีที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน
ซึ่งกฎหมายก าหนดให้มีพนักงานสอบสวนด าเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของพนักงาน
ิ่
ั
สอบสวนทางส านักงานต ารวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจในการเพมอัตราก าลังหรือการพฒนาประสิทธิภาพ
ของพนักงานสอบสวนหญิงแต่อย่างใด ปัจจุบันส านักงานต ารวจแห่งชาติมีพนักงานสอบสวนทั้งหมด จ านวน
๑๑,๖๐๗ นาย แบ่งเป็นพนักงานสอบสวนหญิง จ านวน ๗๖๓ นาย ซึ่งมีต าแหน่งและชั้นยศลดหลั่นกัน
ออกไป โดยสายงานสอบสวนจะมีชั้นยศสูงสุดถึงพันต ารวจเอก จากข้อมูลข้างต้นนับว่าพนักงานสอบสวนมี
จ านวนที่ยังขาดแคลนอยู่และส านักงานต ารวจแห่งชาติได้มีแผนในการผลิตพนักงานสอบสวนทั้งเพศหญิง
และเพศชายอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยมีนโยบายในการผลิตอัตราก าลังพนักงานสอบสวนจาก ๓ สัดส่วน คือ
๑) นักเรียนนายร้อยต ารวจที่จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยต ารวจ ประมาณ ๓๐๐ นาย ซึ่งในแต่ละปี
อาจจะมีจ านวนไม่เท่ากัน ๒) การสอบแข่งขันคัดเลือกจากบุคคลภายนอกที่มีวุฒิปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์