Page 169 - สรป 4Y กมธ กิจการเด็กฯ ชุด 25
P. 169

ส่วนที่ ๓                                                                           หน้า ๑๕๗



                                                ั
                                                                   ิ
                                                                                                        ั
                           อธิบดีกรมส่งเสริมและพฒนาคุณภาพชีวิตคนพการ มอบหมายผู้แทนจากกรมส่งเสริมและพฒนา
               คุณภาพชีวิตคนพการ ให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการว่า การด าเนินงานของกรมส่งเสริมและพฒนาคุณภาพชีวิต
                                                                                             ั
                              ิ
                                     ิ
                                                                ั
                    ิ
               คนพการในการดูแลคนพการ ตามประกาศกระทรวงการพฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง ประเภท
                            ์
               และหลักเกณฑความพิการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ได้ก าหนดประเภทความพิการ ไว้ ๗ ประเภท ซึ่งความพิการ
                                                                                            ์
               ทางจิตใจหรือพฤติกรรมเป็น ๑ ใน ๗ ประเภท ที่ประกาศกระทรวงฉบับนี้ ได้มีหลักเกณฑก าหนดความพการ
                                                                                                         ิ
               ทางจิตใจหรือพฤติกรรมไว้ โดยให้หมายถึง การที่บุคคลมีข้อจ ากัดในการปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจ าวัน
               หรือการเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมซึ่งเป็นผลมาจากความบกพร่องหรือความผิดปกติทางจิตใจ
               หรือสมองในส่วนของการรับรู้อารมณ์หรือความคิด ดังนั้น ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. .... จึงเกี่ยวข้อง
               และส่งผลกระทบโดยตรงกับคนพิการที่อยู่ในการดูแลและรับผิดชอบของกรม
                           จากข้อมูลการท างานของคนในวัยท างานจ านวน ๘๕๕,๐๒๕ คน พบว่า เป็นคนพการทางจิตใจ
                                                                                                 ิ
               หรือพฤติกรรม จ านวน ๑๖๖,๕๐๓ คน คิดเป็นร้อยละ ๗.๗๑ ซึ่งกรมในฐานะที่ได้ด าเนินงานในด้านการ

               คุ้มครองสิทธิ และส่งเสริมให้มีการจ้างงานคนพการ จึงมีความเห็นว่า การก าหนดถ้อยค าในร่างกฎ ก.พ.
                                                          ิ
               ฉบับใหม่นี้ อาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ซึ่งหากจะมีการพิจารณาหารือกับทุกฝ่าย

               ที่เกี่ยวข้อง เพอแก้ไขถ้อยค าใหม่ให้เป็นในลักษณะกลาง ๆ โดยไม่ต้องระบุเจาะจงนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะสม
                            ื่
               และเกิดประโยชน์แก่คนพิการได้ดีกว่า
                           จากการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ มีข้อคิดเห็นและข้อสังเกต ดังนี้

                           ๑. การที่ผู้แทนสมาคมเสริมสร้างชีวิต สมาคมสายใยครอบครัว และสมาคมเพอผู้บกพร่อง
                                                                                                  ื่
               ทางจิตแห่งประเทศไทย ได้ยื่นหนังสือข้อเสนอต่อคณะกรรมาธิการ เนื่องจากมีความเคลือบแคลงใจ

                                         ิ
               และไม่ได้มีส่วนร่วมในการพจารณาร่างกฎ ก.พ. ที่ได้แก้ไขใหม่นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีแนวทาง
               การพิจารณาเพื่อเป็นทางออกส าหรับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้อย่างไร

                                   ิ
                           ๒. การพจารณาเกี่ยวกับเรื่องโรคจิตหรือโรคอารมณ์ผิดปกติ มีมาตรฐานใดที่น ามาใช้ในการ
               พจารณา เพราะสิ่งเหล่านี้อาจท าให้เป็นการลิดรอนสิทธิ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการจ้างงานหรือเป็นอุปสรรค
                 ิ
               ต่อการท างานหรือไม่

                           ๓. การออกกฎ กฎเกณฑ์ หรือแนวปฏิบัติต่าง ๆ โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธินั้น นอกจาก
               หน่วยงานหลักที่เป็นผู้ด าเนินการแล้ว จ าเป็นต้องให้ผู้ที่มีส่วนได้เสียในเรื่องนั้น ๆ ได้มีโอกาสในการเข้าร่วม

               ให้ความคิดเห็น ซึ่งจะท าให้หน่วยงานได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน รอบด้าน ดังนั้น เป็นไปได้หรือไม่ที่จะท าให้เกิด
               กระบวนการมีส่วนร่วมขององค์กรที่เกี่ยวข้องในการด าเนินการเรื่องนี้
                           ๔. กรณีร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. .... ที่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขในเรื่องที่มีผลกระทบ

               หรือเกี่ยวข้องในเชิงสิทธิมนุษยชน ทั้งเรื่องการใช้ถ้อยค าและการตีความ องค์กรเครือข่ายที่ด าเนินงานด้านนี้
               โดยตรง เช่น ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจ าประเทศไทย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เคยมี

               ความเห็นในเรื่องนี้หรือไม่ อย่างไร
                           ๕. ตามกฎ ก.พ. ฉบับเดิม ที่ใช้ข้อความว่า “โรคติดต่อร้ายแรงหรือโรคเรื้อรังที่ปรากฏอาการ
               เด่นชัดหรือรุนแรง และเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่” นั่นหมายถึง โรคทุกโรคที่ส่งผลต่อการ

               ปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นการก าหนดไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว เพราะเหตุใดจึงมีการแก้ไขให้ต้องระบุเจาะจงว่าเป็น
               โรคทางจิตเวชโดยตรง ซึ่งท าให้เกิดผลกระทบต่อบุคคลกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก
   164   165   166   167   168   169   170   171   172   173   174