Page 613 - Full paper สอฉ.3-62
P. 613

ใหญ่มีอาชีพในบริษัทเอกชน โดยมีรายได้ต ่ากว่าหรือ ความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออมในทุกด้าน ยกเว้น

             เท่ากับ 20,000 บาท และรายจ่าย 10,001-15,000 บาท  ด้านจ านวนเงินออม อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ
             ส าหรับการจัดการเงินส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่าง 1) 0.05 ส าหรับการจัดการการเงินส่วนบุคคล ด้านความรู้

             ด้านความรู้ความเข้าใจการจัดการการเงินส่วนบุคคล  ความเข้าใจการจัดการกาเงินส่วนบุคคล รูปแบบการ

             โดยรวม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (  3.6400) โดย จัดการการเงินส่วนบุคคล และการงวางแผนการจัดการ

             อันดับแรก คือ ความส าคัญของการจัดการเงินบุคคล 2) การเงินส่วนบุคคลมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออม
             ด้านวัตถุประสงค์การจัดการากรเงินส่วนบุคคล โดยรวม  ทุกด้าน ยกเว้น วัตถุประสงค์การจัดการการเงินส่วน

             มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (  = 3.5075) โดยอันดับ บุคคล ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนตัดสินใจในการ

             แรก คือ มีจัดการกับรายรับรายจ่ายของตนเองได้อย่างมี ออม และปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการจัดการการเงินส่วน
             ประสิทธิภาพ 3)ด้านรูปแบบการจัดการเงินส่วนบุคคล  บุคคลที่ไม่มีความสัมพันธ์กับระยะเวลาในการออมอย่าง

             โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (    = 3.7225)  มีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

             โดยอันดับแรก คือ เป้าหมายเพื่อสร้างฐานะและความ            กรัณฑรัตน์  ดวงใจสืบ (2555) ได้ท าการวิจัยเรื่อง
             มั่นคงทางการเงิน 4)ด้านการวางแผนการจัดการเงินส่วน “พฤติกรรมการออมของครัวเรือนในประเทศไทย” ผล


             บุคคล โดยรวม อยู่ในระดับมาก (    = 3.6875) โดย การศึกษา พบว่า หัวหน้าครัวเรืองส่วนใหญ่เป็นเพศชาย
             อันดับแรก คือ มีการก าหนดเป้าหมายในการด าเนินชีวิต  มีอายุมากกว่า 50 ปี การศึกษาอยู่ในระดับต ่า กว่าหรือ
             และเป้าหมายทางการเงิน และ 5)ด้านปัจจัยที่มี เท่ากับประถมศึกษา ประกอบอาชีพเกษตร หรือประมงมี

             ผลกระทบต่อการจัดการการเงินส่วนบุคคล โดยรวมอยู่ สมาชิกในครัวเรือนจ านวน 1-3 คน มีรายได้อยู่ ระหว่าง

             ในระดับมาก (       = 3.8400)โดยอันดับแรก คือ  10,000-50,000 บาท ส่วนใหญ่จะมีจ านวนหนี้สิน

             ปัจจัยทางเศรษฐกิจ ได้แก่ เงินเฟ้อ การใช้จ่ายของ มากกว่า 100,000 บาท จะนิยมออกเงินด้วยวิธีการ ฝาก
             ผู้บริโภค และอัตราดอกเบี้ยส่วนพฤติกรรมการออม  ธนาคาร สถาบันการเงินหรือสหกรณ์ออมทรัพย์

             พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีรูปแบบการออมมากที่สุด  วัตถุประสงค์ของการออมส่วนใหญ่นิยมออกเงิน เพื่อ

             คือ มีบัญชีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ (ทั้งออมทรัพย์ เก็บ ไว้ใช่เวลาเจ็บป่วยหรือชรา ข้อเสนอแนะต้องการให้

             และฝากประจ า) มีการจัดสัดส่วนเงินออมต่อรายได้ใน ครัวเรือนมีการออมเงินเพิ่มมากขึ้น อันดับแรกเพิ่มระดับ
             แต่ละเดือนมากที่สุด คือ ไม่ได้ก าหนดไว้แน่นอน ออม การออมของครัวเรือน ภาครัฐต้องมีการด าเนินงานใน

             ตามที่เหลือ จ านวนเงินออมเฉลี่ยต่อเดือน คือมากกว่า  ระยะยาวเพื่อให้ครัวเรือนเห็นความส าคัญในการออม

             5,000 บาท เหตุผลหลักในการออม คือ เพื่อไว้ใช้ยาม และส่งเสริมให้เงินออมเข้าสู่ในระบบซึ่งท าให้เกิดผล
             ฉุกเฉินมีระยะเวลาการออมเงิน คือ 1-5 ปี และส่วนใหญ่ ประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่

             ผู้มีส่วนตัดสินใจในการออม คือ ตนเอง ผลการทดสอบ             จุฑาธิบดิ์ ฤกษ์สันทัด (2555) ได้ท าการวิจัยเรื่อง

             สมมติฐาน พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลด้านอาชีพผู้ปกครอง “เปรียบเทียบพฤติกรรมการออมของพนักงานบริษัท
             และรายได้ มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออม ทุก เอกชนและข้าราชการในเขตกรุงเทพมหานคร” ผล

             ด้าน ยกเว้น ด้านอายุ สถานภาพ และรายจ่ายที่ไม่มี การศึกษาพบว่า พนักงานบริษัทเอกชนและข้าราชการที่

             ความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออมด้านสัดส่วนเงิน มี การออมเงินส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 20-30 ปี
             ออม และผู้มีส่วนตัดสินใจในการออม ส่วนด้านเพศไม่มี สถานภาพโสด และไม่มีผู้อยู่ในอุปการะเลี้ยงดุ พนักงาน


                                                               5
                                                                                                              595
   608   609   610   611   612   613   614   615   616   617   618