Page 60 - bangkok yai
P. 60

54






                       เขียนโดยบุคคลที่ไมไดรูเห็นเหตุการณโดยตรง แลวมาบันทึกไวเสมือนไดรูเห็นเอง หรือแมจะรูเห็นเหตุการณ
                       โดยตรง แตอาจมีความลําเอียงเขาขางฝายใดฝายหนึ่ง ไมวางตัวเปนกลาง
                                  การวิเคราะหหลักฐานแบงเปน 2 วิธี ดังนี้
                                  วิธีที่ 1  การประเมินภายนอก เปนการประเมินหลักฐานจากสภาพที่ปรากฏภายนอกวาเปน
                       ของแท ถูกตองตามยุคสมัยหรือไม เชน กระดาษที่บันทึกเปนของเกาจริงหรือไม สมัยนั้นมีกระดาษแบบ

                       นี้ใชหรือยัง วัสดุที่ใชเขียนเปนของรวมสมัยหรือไม
                                  วิธีที่ 2  การประเมินภายใน เปนการประเมินหลักฐานวาถูกตองทั้งหมดหรือไม เชน การ
                       กลาวถึงตัวบุคคล สถานที่ เหตุการณวาถูกตอง มีจริงในยุคสมัยของหลักฐานนั้นหรือไม หรือแมแต

                       สํานวนภาษาวาในสมัยนั้นใชกันหรือยัง
                                  ขั้นตอนที่ 4  การคัดเลือกและประเมินขอมูล เปนขั้นตอนตอจากที่ไดรวบรวมหลักฐาน
                       และวิเคราะหความนาเชื่อถือนั้น ๆ แลว ขอมูลคือ เรื่องราวตาง ๆ ทางประวัติศาสตรที่ปรากฏในหลักฐาน
                       ที่รวบรวมและวิเคราะหแลวจากหลักฐานที่เชื่อถือได จากนั้นจึงนําขอมูลมาวิเคราะห คือ แยกประเภท

                       โดยเรียงเหตุการณ ตามลําดับเวลากอนหลัง เพราะความสําคัญของขอมูล แลวทํา การสังเคราะห คือ จัด
                       เหตุการณ เรื่องเดียวกัน และเกี่ยวของสัมพันธกันไวดวยกัน และศึกษาความตอเนื่อง การเปลี่ยนแปลง
                       ของเหตุการณ ตลอดจนปจจัยตาง ๆ ที่มีความสําคัญตอเหตุการณ
                                ขั้นตอนที่ 5  การเรียบเรียงรายงาน ขอเท็จจริงทางประวัติศาสตร เปนการเรียบเรียงขอมูล

                       ที่ไดคนควา วิเคราะห และสังเคราะหมาแลว เพื่อนําเสนอขอมูลในลักษณะที่เปนการตอบหรืออธิบาย
                       ความอยากรู ขอสงสัย ตลอดจนความรูใหม ความคิดใหมที่ไดจากการศึกษาคนควานั้น ในรูปแบบการ
                       เขียนรายงานอยางมีเหตุผล
                                กลาวโดยสรุปการใชวิธีการทางประวัติศาสตรในการศึกษาพระราชวังเดิมพระเจาตาก

                       มากคุณคา สวางฟาวัดอรุณ มี 5 ขั้นตอน คือ (1) การกําหนดหัวเรื่องที่ศึกษา (2) สืบคนและรวบรวม
                       ขอมูล (3) การวิเคราะหและตีความขอมูลทางประวัติศาสตร (4) การคัดเลือกและประเมินขอมูล
                       (5) การเรียบเรียงรายงาน ขอเท็จจริงทางประวัติศาสตร

                                สําหรับการประยุกตใชขั้นตอนวิธีการศึกษาทางประวัติศาสตรในการศึกษาพระราชวังเดิม
                       พระเจาตากมากคุณคา สวางฟาวัดอรุณ ใหครูผูสอนแนะนําผูเรียนในขั้นตอนการกําหนดประเด็นศึกษา
                       แลวใหไปศึกษาคนควาหาขอมูล โดยผูเรียนตองประยุกตใชการวิเคราะห และตีความขอมูลทางประวัติศาสตร
                       กับขอมูลที่คนควาได ตอจากนั้นใหผูเรียนคัดเลือก และประเมินขอมูล นํามาเปรียบเทียบ สรุปผลการศึกษา
                       คนควา และบันทึกลงในเอกสารการเรียนรูดวยตนเอง (กรต.) เพื่อนําไปพบกลุมตามที่นัดหมายไวกับ

                       ครูผูสอน


                       เรื่องที่ 2 วิธีการศึกษาทางภูมิศาสตรในการศึกษาพระราชวังเดิมพระเจาตากมากคุณคา

                                สวางฟาวัดอรุณ

                                1.  กําหนดวัตถุประสงคในการศึกษาวิธีการศึกษาทางภูมิศาสตร จะมุงเนนความ เขาใจ
                       เกี่ยวกับรายละเอียดเบื้องตน เปนการศึกษารายละเอียดของเหตุการณที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้น ๆ โดยเฉพาะ
                       ซึ่งจะใชในการศึกษานี้พิจารณาวา “มีสิ่งใดบางที่เปนสาเหตุทําใหเกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้ขึ้น และแตละสิ่งมี
   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64   65