Page 65 - (2)100 ถามตอบเรื่องวินัย 4-7-2559
P. 65
๑๐๐ ปัญหาถาม - ตอบ เรื่องวินัย 65
- 59 -
ได้ เพราะตามมาตรา ๑๐๐ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ
พลเรือน พ.ศ.๒๕๕๑ บัญญัติว่า “ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหา
เป็นหนังสือว่ากระท าหรือละเว้นกระท าการใดที่เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ถ้าเป็นการกล่าวหาต่อผู้บังคับบัญชาของผู้นั้นหรือต่อผู้มีหน้าที่สืบสวนสอบสวน
หรือตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการ หรือเป็นการกล่าวหา
โดยผู้บังคับบัญชาของผู้นั้น หรือมีกรณีถูกฟ้องคดีอาญาหรือต้องหาว่ากระท า
ความผิดอาญาอันมิใช่เป็นความผิดที่ได้กระท าโดยประมาทที่ไม่เกี่ยวกับราชการหรือ
ความผิดลหุโทษ แม้ภายหลังผู้นั้นจะออกจากราชการไปแล้ว โดยมิใช่เพราะเหตุตาย
ผู้มีอ านาจด าเนินการทางวินัยมีอ านาจด าเนินการสืบสวนหรือพิจารณา และ
ด าเนินการทางวินัยตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ต่อไปได้เสมือนว่าผู้นั้นยังมิได้ออกจาก
ราชการ แต่ทั้งนี้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอ านาจสั่งบรรจุตาม มาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติ
ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.๒๕๕๑ ต้องด าเนินการสอบสวนตามมาตรา ๙๓
วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.๒๕๕๑ ภายใน
หนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ผู้นั้นพ้นจากราชการ” ในการประชุม อ.ก.พ. กฎหมาย
ครั้งที่ ๙/๒๕๔๖ ลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ เคยพิจารณาแล้วมีความเห็นว่า
ความผิดฐานกระท าผิดอาญาจนได้รับโทษจ าคุกโดยค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก
ไม่ได้ตั้งฐานจากการกระท าเดิมของผู้กระท าผิด แต่เป็นความผิดใหม่เพราะถูกจ าคุก
เดิมจะกระท าผิดกรณีใดมิใช่สาระส าคัญ แต่ภายหลังถูกศาลฎีกาพิพากษาให้จ าคุก
ก็ต้องลงโทษฐานกระท าผิดอาญาจนได้รับโทษจ าคุกโดยค าพิพากษาถึงที่สุดให้จ าคุกด้วย
ประกอบกับเรื่องท านองเดียวกันนี้ส านักงาน ก.พ. เคยมีหนังสือ ที่ นร ๑๐๑๑/ว ๑๓
/ลงวันที่...