Page 71 - ตำนานการสวดพระมาลัย
P. 71
๖๕
ึ้
แรกที่เขียนขนโดยชาวต่างประเทศนอกเหนือจากนี้เมื่อความรู้ภาษาไทยของท่านแตกฉานแล้ว ได ้
เรียบเรียงหนังสือขึ้นอีกถึง ๒๖ เล่ม ส่วนใหญ่เป็นคําสอนคริสตัง หนังสือสวดภาวนา เช่น ปุจฉา
วิสัชนาว่าด้วยพระคริสต์ธรรมและพุทธศาสนา, อรรถกถาอธิบายศีล, ประวัตินักบุญ เป็นต้น เอกสาร
่
ุ
เหล่านี้เขียนด้วยภาษาไทยแต่ส่วนใหญ่ได้สูญหายไปหมดแล้วตั้งแตคราวเสียกรุงศรีอยธยา
หลักฐานอีกประการหนึ่งที่แสดงว่าท่านลาโนให้ความสนใจต่อเอกสารและภาษาไทยคือ เมื่อ
ครั้งที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดฯ ให้ท่านสังฆราชลอมแบร์ เดอ ลา มอตต์ เข้าเฝูาฯกราบ
บังคมทูลเรื่องราวทางคริสตศาสนานั้น “พระสังฆราชได้ทูลเกล้าฯ ถวายสมุดภาพเป็นเรื่องราว
์
มหัศจรรย์ของชีวิตและการถูกทรมานของพระเยซูผู้เป็นเจ้า ภาพอัครสาวกทั้งสิบสอง ผู้เขียนคัมภีร์ ผู้
ก่อตั้งคณะมิสซังต่างประเทศและนักบุญที่มีชื่อเสียงของพระศาสนา บาทหลวงลาโนได้แทรกกระดาษ
เขียนค าอธิบายแต่ละภาพเป็นภาษาสยามไว้ในสมุดภาพนั้นด้วย”
สําหรับหนังสือของท่านเล่มหนึ่งที่มีความสําคัญไม่น้อยไปกว่าพจนานุกรมสยาม-ละติน
คือ “ปุจฉาวิสัชนาว่าด้วยพระคริสต์ธรรมและพุทธศาสนา” ซึ่งเสรี พงศ์พิศให้ความเห็นไว้อย่าง
น่าสนใจว่า “ท่านเขียนหนังสือเล่มนี้ตามแบบอย่างของนักปรัชญาสมัยกลาง ที่มักยกเอาความคิดของ
ี่
คู่ต่อสู้ต่างส านัก หาเหตุผลหักล้างและสรุปความถูกต้องหรือความเหนือกว่าของตน วิธีนี้เป็นทนิยม
แพร่หลายอีกครั้งหนึ่งเมื่อเกิดนิกายโปรแตสแตนที่ขนมาในกลางศตวรรษที่ ๑๖ เป็นลักษณะการ
ึ้
โต้วาทีทางศาสนา ท่านลาโนเขียนขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการสอนหลักธรรมทางศาสนาคริสต์ เป็น
[๖]
คู่มือส าหรับบาทหลวงและครูสอน” เอกสารต้นฉบับยังคงจัดเก็บอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงปารีส มี
ลักษณะเป็นใบลาน ๑ ผูก เลขรหัส ๒๖๑ เป็นเอกสารฉบับที่ ๑๓ ในบรรณานุกรมระบุชื่อเป็น
[๗]
ภาษาไทยว่า “เถียงสาษมา” ซึ่งก็คือ “เถียงศาสนา” ผู้เขียนสันนษฐานว่าลักษณะการเขียนหนังสือ
ิ
ในทํานองการเถยงธรรมเช่นนี้ น่าจะกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศของการถกเถียงทางวิชาการที่สําคัญใน
ี
หมู่นักปราชญ์ราชบัณฑิตและในราชสํานักสยามและอาจเป็นที่มาของการบันทึกข้อปุจฉาวิสัชนาใน
ประเพณีมีพระราชปุจฉาซึ่งเอกสารที่พบเก่าที่สุดมีอายุอยู่ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราชด้วยก็
เป็นได ้
ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นนี้สะท้อนความตั้งใจและความสนใจของบรรดามิชชันนารีรุ่นแรกที่เข้า
มายังสยามที่จะต้องเรียนรู้ผู้อื่นและปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นให้ได้ ก่อนที่จะเผยแผ่ศาสนาตาม
้
วัตถุประสงค์เดิมที่ไดตั้งไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาภาษาอันจะเป็นรากฐานที่สําคัญของการ
ประกอบกิจการอื่น ๆ ในต่างแดน