Page 99 - หนังสือเรียนสาระความรู้พื้นฐาน
P. 99

92



                         ดังนั้น ผูใชยาควรศึกษาเรื่องการใชยาใหเขาใจอยางแทจริง และใชยาอยาระมัดระวังเทาที่จําเปนจริง ๆ

                  เทานั้น โดยอยูในความดูแลของแพทยหรือเภสัชกรอยางใกลชิด จะชวยขจัดสาเหตุที่ทําใหเกิดอันตรายจากการ
                  ใชยาไดอยางไรก็ตาม ผูใชยาควรตระหนักถึงโทษหรืออันตรายจากการใชยาที่อาจเกิดขึ้นได ดังตอไปนี้

                  1. การแพยา (Drug Allergy หรือ Drug Hypersensitivity)

                         เปนภาวะที่รางกายเคยไดรับยาหรือสารที่มีสูตรคลายคลึงกับยานั้นมากอนแลวยาหรือสารนั้นจะ

                  กระตุนใหรางกายสรางภูมิคุมกันขึ้นเรียกวา “สิ่งตอตาน” (Antibody) โดยใชเวลาประมาณ 7-14 วัน เมื่อ
                  ไดรับยาหรือสารนั้นอีก จะเกิดปฏิกิริยาไดสารประกอบเชิงซอนเปน “สิ่งเรงเรา” (Antigen) ใหรางกายหลั่ง

                  สารบางอยางที่สําคัญ เชน ฮีสตามีน (Histamine) ทําใหเกิดอาการแพขึ้น ตัวอยาง ผูที่เคยแพยาเพนิซิลลิน เมื่อ

                  รับประทานเพนิซิลลินซ้ําอีกครั้งหนึ่ง จะถูกเปลี่ยนแปลงในรางกายเปนกรดเพนิซิลเลนิก ซึ่งทําหนาที่เปน
                  “สิ่งเรงเรา” ใหรางกายหลั่งฮีสตามีน ทําใหเกิดอาการแพ เปนตน

                         การแพยาจะมีตั้งแตอาการเล็กนอย ปานกลาง จนรุนแรงมาก ถึงขั้นเสียชีวิต ทั้งนี้ขึ้นอยูกับ

                  องคประกอบตอไปนี้

                         1. ชนิดของยา ยาที่กระตุนใหเกิดอาการแพที่พบอยูเสมอ ไดแก เพนิซิลลิน แอสไพริน ซัลโฟนาด
                  เซรุมแกบาดทะยัก ยาชาโปรเคน น้ําเกลือและเลือด เปนตน

                         2. วิธีการใชยา การแพยาเกิดขึ้นไดจากการใชยาทุกแบบ แตการรับประทานเปนวิธีที่ทําใหแพนอย

                  ที่สุด ขณะที่การสัมผัสหรือการใชยาทาจะทําใหเกิดอาการแพไดงายที่สุด สวนการฉีด เปนวิธีการใหยาที่ทํา
                  ใหเกิดการแพอยางรวดเร็ว รุนแรง และแกไขไดยาก

                         3. พันธุกรรม การแพยาเปนลักษณะเฉพาะของบุคคล คนที่มีความไวในการถูกกระตุนใหแพยา

                  หรือคนที่มีประวัติเคยเปนโรคภูมิแพ เชน หืด หวัดเรื้อรัง ลมพิษผื่นคัน จะมีโอกาสแพยามากกวาคนทั่วไป
                         4. การไดรับการกระตุนมากอน ผูปวยเคยไดรับยาหรือสารกระตุนมากอนแลวในอดีต โดยจําไมได

                  หรือไมรูตัว เมื่อไดรับยาหรือสารนั้นอีกครั้ง จึงเกิดอาการแพ ดังเชนในรายที่แพเพนิซิลลินเปนครั้งแรก โดย

                  มีประวัติวาไมเคยไดรับยาที่แพมากอนเลย แทที่จริงแลวผูปวยเคยไดรับสารเพนิซิลลินมากอนแลวในอดีต แต
                  อาจจําไมไดหรือไมรูตัว เพราะผูปวยใชยาที่ไมทราบวามีเพนิซิลลินอยูดวย หรืออาจรับประทานอาหารบาง

                  ชนิดที่มีเชื้อเพนิซิลเลียมอยูดวย

                         การปองกันและการแกไข การปองกันมิใหเกิดอาการแพยาเปนวิธีที่ดีที่สุดเพราะถาอาการแพรุนแรง

                  มาก อาจแกไขไมทันการ โดยทั่วไปการปองกันอาจทําไดดังนี้
                         1. งดใชยา ผูปวยควรสังเกต จดจํา และงดใชยาที่เคยแพมากอน นอกจากนี้ ยังควรหลีกเลี่ยงการใชยา

                  ที่อยูในกลุมเดียวกัน หรือมีสูตรโครงสรางใกลเคียงกันดวย

                         2. ควรระมัดระวังการใชยาที่มักทําใหเกิดอาการแพงายบอยๆ เชน เพนิซิลลิน ซัลโฟนาไมด หรือ
                  ซาลิซัยเลท เปนตน โดยเฉพาะรายที่มีประวัติหอบหืด หวัดเรื้อรัง ลมพิษ ผื่นคัน แพสารตางๆ  หรือแพยา

                  มาแลว ควรบอกรายละเอียดใหแพทยหรือเภสัชกรทราบกอนใชยา
   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104