Page 33 - GEH1101-เอกสารประกอบการเรียนการสอน-unit1
P. 33

สุนทรียภาพกับชีวิต







                       บุคคลในภาพคนนั้น ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิง โดยสีแดงฉานบนท้องฟ้ าเป็น
                       เสมือนลิ้นไฟที่แลบเลียไหม้แผ่นดินอย่างชวนอกสั่นขวัญแขวนน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง เพราะจิตรกรใช้

                       เส้นที่แสดงให้รู้สึกถึงการหมุนวนฉวัดเฉวียนของเปลวไฟร้อนแรงราวตวัดลามเลียขึ้นมาจากขุมนรก

                       อเวจีที่มีแต่ไฟแผดเผา สีแดงฉานราวกับไฟนรกชวนสะพรึงนี้มีนัยยะว่าเป็นต้นเหตุท าให้บุคคลผู้นั้น
                       เกิดความหวาดกลัวและวิตกกังวลใจ

                       ตัวอย่างที่ 2 สมมติว่าบุคคลคนหนึ่งได้ฟังซิมโฟนีหมายเลข 6  Pastoral  in  F  Major  (Op.  68)

                       ผลงานประพันธ์เพลงโดยคีตกวีชื่อ ลุดวิก ฟาน เบโธเฟน (Ludwig  van  Beethoven  1770-1827)

                       ชาวเยอรมัน และเกิดประสบการณ์สุนทรียภาพขึ้นในตัวเอง บุคคลดังกล่าวอธิบายปรากฏการณ์

                       เชิงประจักษ์ถึงประสบการณ์สุนทรียภาพของตนเองโดยอาศัยเกณฑ์พรรณนาประสบการณ์
                       สุนทรียภาพ 4 ด้านเพื่อพรรณนาความ ดังต่อไปนี้

                               ประวัติผลงานศิลปะ (History  of  Artwork)  ลุดวิก ฟาน เบโธเฟน (Ludwig  van

                       Beethoven 1770-1827) คีตกวีชาวเยอรมัน ประพันธ์เพลงซิมโฟนี หมายเลย 6 มี 5 กระบวนหรือ

                       ท่อน (5 movements / sections) นับเป็นซิมโฟนี (Symphony) ที่มีจ านวนกระบวนต่างจากซิมโฟนี

                       ทั่วไปที่มี 4 กระบวน เหตุนั้นเองจึงท าให้เพลงซิมโฟนีเพลงนี้ยาว 45 นาที และเป็นซิมโฟนีที่สื่อถึง
                       ความพออกพอใจอย่างเป็นสุขของคีตกวี ที่เยือนท้องทุ่งชายป่าไฮลิเก็นซตัดท์ (Heiligenstadt)

                       ต าบลไฮลิเก็นซตัดท์แห่งนี้อยู่ใกล้กรุงเวียนนา ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ของเขตอ าเภอ Döbling  (now

                       part of Döbling, Vienna’s 19th district) เบโธเฟนเริ่มประพันธ์เพลงนี้เมื่อประมาณเดือนเมษายน

                       ค.ศ. 1802  (213 ปีผ่านมาแล้ว) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่ต าบลไฮลิเก็นซตัดท์ สิ่งส าคัญยิ่งและ
                       ควรทราบคือ ขณะนั้นเบโธเฟนเริ่มมีอาการหูหนวก และเพลงแล้วเสร็จเมื่อค.ศ. 1808

                               ทฤษฎีศิลปะด้านดนตรี (Music  Theory)  ดนตรีเกิดจากการประชุมกันของเสียงที่ถูก

                       สร้างขึ้นโดยอุปกรณ์ดนตรี ดังนั้น กล่าวได้ว่าดนตรีมีองค์ประกอบทางดนตรี (music elements) ที่

                       ประกอบด้วยคุณภาพการแสดงออกทางด้านแนวคิด อารมณ์ ความรู้สึกทางดนตรี (expression
                       qualities)  ที่ประกอบด้วย ความดัง-เบา (dynamic)  อัตราความช้าเร็ว (tempo)  สีสันของเสียง

                       (tone  color)  การควบคุมลักษณะเสียง (articulation)  นอกจากนั้น ยังรวมถึงท านอง (melody)

                       ลีลาจังหวะ (rhythm)  การประสานเสียง (harmony)  รูปแบบการประสมเสียง (texture)  และ

                       รูปแบบโครงสร้างดนตรี (form) ทั้งนี้ ส าหรับเพลง Symphony No. 6 in F Major, Op. 68 ในแต่ละ

                       กระบวนของเพลงที่แปรเปลี่ยน นั้น มีลีลาจังหวะ (rhythm)  ท่วงท านอง (melody)  การประสาน
                       เสียง (harmony)  และอัตราช้า-เร็ว (tempo)  บอกความหมายแก่ผู้ฟัง โดยลีลาจังหวะหมายถึง

                       อากัปกิริยาของเพลงที่บอกว่าเป็นเพลงแนวไหน ท่วงท านองหมายถึง เสียงที่บอกอารมณ์หรือ



                                                                                                        33
   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38