Page 154 - หนังสือคู่มือดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
P. 154

146





                                  ึ
                                                                                             ั
                นำยกรัฐมนตรีหรือผู้ซ่งนำยกรัฐมนตรีมอบหมำยอำจประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำก�ำหนดให้ค�ำส่ง
           ทำงปกครองกรณีหนึ่งกรณีใดต้องระบุเหตุผลไว้ในค�ำสั่งนั้นเองหรือในเอกสำรแนบท้ำยค�ำสั่งนั้นก็ได้
                บทบัญญัติตำมวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับกับกรณีดังต่อไปนี้
                (๑) เป็นกรณีที่มีผลตรงตำมค�ำขอและไม่กระทบสิทธิและหน้ำที่ของบุคคลอื่น

                (๒) เหตุผลนั้นเป็นที่รู้กันอยู่แล้วโดยไม่จ�ำต้องระบุอีก
                (๓) เป็นกรณีที่ต้องรักษำไว้เป็นควำมลับตำมมำตรำ ๓๒
                (๔) เป็นกำรออกค�ำส่งทำงปกครองด้วยวำจำหรือเป็นกรณีเร่งด่วน แต่ต้องให้เหตุผลเป็น
                                   ั
           ลำยลักษณ์อักษรในเวลำอันควรหำกผู้อยู่ในบังคับของค�ำสั่งนั้นร้องขอ

                                                                                   ั
                มำตรำ ๓๘ บทบัญญัติตำมมำตรำ ๓๖ และมำตรำ ๓๗ วรรคหน่ง มิให้ใช้บังคับกับค�ำส่งทำงปกครอง
                                                                  ึ
           ที่ก�ำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ ตำมหลักเกณฑ์วิธีกำร และเงื่อนไขที่ก�ำหนดในกฎกระทรวง
                มำตรำ ๓๙ กำรออกค�ำส่งทำงปกครองเจ้ำหน้ำท่อำจก�ำหนดเง่อนไขใด ๆ ได้เท่ำท่จ�ำเป็นเพ่อให้บรรล ุ
                                                                 ื
                                                                               ี
                                                                                      ื
                                    ั
                                                      ี
           วัตถุประสงค์ของกฎหมำย เว้นแต่กฎหมำยจะก�ำหนดข้อจ�ำกัดดุลพินิจเป็นอย่ำงอื่น
                            ื
                                           ึ
                                                                           ื
                กำรก�ำหนดเง่อนไขตำมวรรคหน่ง ให้หมำยควำมรวมถึงกำรก�ำหนดเง่อนไขในกรณีดังต่อไปน   ้ ี
           ตำมควำมเหมำะสมแก่กรณีด้วย
                (๑) กำรก�ำหนดให้สิทธิหรือภำระหน้ำที่เริ่มมีผลหรือสิ้นผล ณ เวลำใดเวลำหนึ่ง
                                   ิ
                                                                        ึ
                                                                    ี
                                             ิ
                (๒) กำรก�ำหนดให้กำรเร่มมีผลหรือส้นผลของสิทธิหรือภำระหน้ำท่ต้องข้นอยู่กับเหตุกำรณ์ในอนำคต
           ที่ไม่แน่นอน
                (๓) ข้อสงวนสิทธิ์ที่จะยกเลิกค�ำสั่งทำงปกครอง
                (๔) กำรก�ำหนดให้ผู้ได้รับประโยชน์ต้องกระท�ำหรืองดเว้นกระท�ำหรือต้องมีภำระหน้ำที่หรือยอมรับ
                                                                                   ี
           ภำระหน้ำท่หรือควำมรับผิดชอบบำงประกำร หรือกำรก�ำหนดข้อควำมในกำรจัดให้มี เปล่ยนแปลง หรือ
                    ี
           เพิ่มข้อก�ำหนดดังกล่ำว
                           ๓
                                                               ื
                                       ั
                มำตรำ ๓๙/1  กำรออกค�ำส่งทำงปกครองเป็นหนังสือในเร่องใด หำกมิได้มีกฎหมำยหรือกฎก�ำหนด
                                                  ้
                                                                ่
                                                                ื
                                                                                 �
                                                                                   ่
                                                                                   ั
           ระยะเวลำในกำรออกคำสงทำงปกครองในเรองนนไว้เป็นประกำรอน ให้เจ้ำหน้ำทออกคำสงทำงปกครอง
                                                                            ี
                                                                            ่
                                                  ั
                               ั
                                              ่
                               ่
                                              ื
                             �
           นั้นให้แล้วเสร็จภำยในสำมสิบวันนับแต่วันที่เจ้ำหน้ำที่ได้รับค�ำขอและเอกสำรถูกต้องครบถ้วน
                ให้เป็นหน้ำที่ของผู้บังคับบัญชำชั้นเหนือขึ้นไปของเจ้ำหน้ำที่ ที่จะก�ำกับดูแลให้เจ้ำหน้ำที่ด�ำเนินกำร
           ให้เป็นไปตำมวรรคหนึ่ง
                                           ี
                              ั
                                                                                ี
                มำตรำ ๔๐ ค�ำส่งทำงปกครองท่อำจอุทธรณ์หรือโต้แย้งต่อไปได้ให้ระบุกรณีท่อำจอุทธรณ์หรือ
           โต้แย้ง กำรยื่นค�ำอุทธรณ์หรือค�ำโต้แย้ง และระยะเวลำส�ำหรับกำรอุทธรณ์หรือกำรโต้แย้งดังกล่ำวไว้ด้วย
                        ี
                ในกรณีท่มีกำรฝ่ำฝืนบทบัญญัติตำมวรรคหน่ง ให้ระยะเวลำส�ำหรับกำรอุทธรณ์หรือกำรโต้แย้ง
                                                     ึ
                            ี
                     ั
           เร่มนับใหม่ต้งแต่วันท่ได้รับแจ้งหลักเกณฑ์ตำมวรรคหน่ง แต่ถ้ำไม่มีกำรแจ้งใหม่และระยะเวลำดังกล่ำวม ี
                                                       ึ
            ิ
           ระยะเวลำสั้นกว่ำหนึ่งปี ให้ขยำยเป็นหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับค�ำสั่งทำงปกครอง
                ๓  มำตรำ ๓9/๑ เพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติวิธีปฏิบัติรำชกำรทำงปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗
   149   150   151   152   153   154   155   156   157   158   159