Page 178 - หนังสือคู่มือดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
P. 178
170
ถ้ำกำรละเมิดเกิดจำกเจ้ำหน้ำท่ซ่งไม่ได้สังกัดหน่วยงำนของรัฐแห่งใดให้ถือว่ำกระทรวงกำรคลัง
ี
ึ
เป็นหน่วยงำนของรัฐที่ต้องรับผิดตำมวรรคหนึ่ง
ี
ี
ี
มำตรำ 6 ถ้ำกำรกระท�ำละเมิดของเจ้ำหน้ำท่มิใช่กำรกระท�ำในกำรปฏิบัติหน้ำท่ เจ้ำหน้ำท่ต้อง
รบผดในกำรนนเป็นกำรเฉพำะตว ในกรณนผ้เสยหำยอำจฟ้องเจ้ำหน้ำทได้โดยตรงแต่จะฟ้องหน่วยงำน
้
ี
ั
้
ิ
ั
ั
ี
่
ี
ี
ู
ของรัฐไม่ได้
ี
ื
ี
มำตรำ ๗ ในคดีท่ผู้เสียหำยฟ้องหน่วยงำนของรัฐ ถ้ำหน่วยงำนของรัฐเห็นว่ำเป็นเร่องท่เจ้ำหน้ำท ่ ี
ี
ี
ี
ื
ี
ต้องรับผิดหรือต้องร่วมรับผิด หรือในคดีท่ผู้เสียหำยฟ้องเจ้ำหน้ำท่ถ้ำเจ้ำหน้ำท่เห็นว่ำเป็นเร่องท่หน่วยงำน
ของรัฐต้องรับผิดหรือต้องร่วมรับผิด หน่วยงำนของรัฐหรือเจ้ำหน้ำที่ดังกล่ำวมีสิทธิขอให้ศำลที่พิจำรณำคดี
นั้นอยู่เรียกเจ้ำหน้ำที่หรือหน่วยงำนของรัฐ แล้วแต่กรณี เข้ำมำเป็นคู่ควำมในคดี
ี
ี
ี
ถ้ำศำลพิพำกษำยกฟ้องเพรำะเหตุท่หน่วยงำนของรัฐหรือเจ้ำหน้ำท่ท่ถูกฟ้องมิใช่ผู้ต้องรับผิด
ึ
ให้ขยำยอำยุควำมฟ้องร้องผท่ต้องรับผิดซ่งมิได้ถูกเรียกเข้ำมำในคดีออกไปถึงหกเดือน นับแต่วันท่ค�ำพิพำกษำ
ี
ู้
ี
นั้นถึงที่สุด
ั
ิ
ิ
ี
่
ั
ิ
ี
มำตรำ ๘ ในกรณทหน่วยงำนของรฐต้องรบผดใช้ค่ำสนไหมทดแทนแก่ผ้เสยหำยเพอกำรละเมด
ู
่
ื
ี
ี
ิ
ั
่
ี
ู
�
ี
ิ
ของเจ้ำหน้ำท ให้หน่วยงำนของรฐมสทธเรยกให้เจ้ำหน้ำทผ้ทำละเมดชดใช้ค่ำสนไหมทดแทนดงกล่ำวแก่
ั
ิ
่
ิ
ี
หน่วยงำนของรัฐได้ถ้ำเจ้ำหน้ำที่ได้กระท�ำกำรนั้นไปด้วยควำมจงใจหรือประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรง
ึ
สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนตำมวรรคหน่งจะมีได้เพียงใดให้ค�ำนึงถึงระดับควำมร้ำยแรง
ี
์
็
็
แหงกำรกระทำและควำมเปนธรรมในแตละกรณเปนเกณฑโดยมตองใหใชเตมจำนวนของควำมเสยหำยกได ้
ี
�
้
ิ
็
้
้
็
่
�
่
ถ้ำกำรละเมิดเกิดจำกควำมผิดหรือควำมบกพร่องของหน่วยงำนของรัฐหรือระบบกำรด�ำเนินงำน
ส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งควำมรับผิดดังกล่ำวออกด้วย
ื
ี
ี
ในกรณีท่กำรละเมิดเกิดจำกเจ้ำหน้ำท่หลำยคนมิให้น�ำหลักเร่องลูกหน้ร่วมมำใช้บังคับและเจ้ำหน้ำท ่ ี
ี
แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่ำสินไหมทดแทนเฉพำะส่วนของตนเท่ำนั้น
ี
มำตรำ ๙ ถ้ำหน่วยงำนของรัฐหรือเจ้ำหน้ำท่ได้ใช้ค่ำสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหำย สิทธิท่จะเรียก
ี
ึ
ึ
ี
ให้อีกฝ่ำยหน่งชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนแก่ตนให้มีก�ำหนดอำยุควำมหน่งปีนับแต่วันท่หน่วยงำนของรัฐหรือ
เจ้ำหน้ำที่ได้ใช้ค่ำสินไหมทดแทนนั้นแก่ผู้เสียหำย
มำตรำ 1๐ ในกรณท่เจ้ำหน้ำท่เป็นผู้กระท�ำละเมิดต่อหน่วยงำนของรัฐไม่ว่ำจะเป็นหน่วยงำนของ
ี
ี
ี
ั
ิ
ื
ี
�
ั
ี
่
้
ิ
ั
ี
ู
่
ู
ั
ั
รฐทผ้นนอย่ในสงกดหรอไม่ ถ้ำเป็นกำรกระทำในกำรปฏบตหน้ำทกำรเรยกร้องค่ำสนไหมทดแทนจำก
ิ
ี
เจ้ำหน้ำท่ให้น�ำบทบัญญัติมำตรำ ๘ มำใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้ำมิใช่กำรกระท�ำในกำรปฏิบัติหน้ำท่ให้บังคับ
ี
ตำมบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
ี
ั
สิทธิเรียกร้องค่ำสินไหมทดแทนจำกเจ้ำหน้ำท่ท้งสองประกำรตำมวรรคหน่ง ให้มีก�ำหนดอำยุควำม
ึ
ี
ี
สองปีนับแต่วันท่หน่วยงำนของรัฐรู้ถึงกำรละเมิดและรู้ตัวเจ้ำหน้ำท่ผู้จะพึงต้องใช้ค่ำสินไหมทดแทน และ
ี
ี
ั
กรณีท่หน่วยงำนของรัฐเห็นว่ำเจ้ำหน้ำท่ผู้น้นไม่ต้องรับผิด แต่กระทรวงกำรคลังตรวจสอบแล้วเห็นว่ำต้อง
ี
ึ
ั
รับผิด ให้สิทธิเรียกร้องค่ำสินไหมทดแทนน้นมีก�ำหนดอำยุควำมหน่งปีนับแต่วันท่หน่วยงำนของรัฐมีค�ำส่ง ั
ตำมควำมเห็นของกระทรวงกำรคลัง