Page 180 - หนังสือคู่มือดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
P. 180
172
ี
ี
หมำยเหตุ: เหตุผลในกำรประกำศใช้พระรำชบัญญัติฉบับน้ คือ กำรท่เจ้ำหน้ำท่ด�ำเนินกิจกำรต่ำง ๆ
ี
ั
ื
ของหน่วยงำนของรัฐน้น หำได้เป็นไปเพ่อประโยชน์อันเป็นกำรเฉพำะตัวไม่ กำรปล่อยให้ควำมรับผิดทำง
ี
ี
ละเมิดของเจ้ำหน้ำท่ ในกรณีท่ปฏิบัติงำนในหน้ำท่และเกิดควำมเสียหำยแก่เอกชนเป็นไปตำมหลักกฎหมำย
ี
เอกชนตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์จึงเป็นกำรไม่เหมำะสมก่อให้เกิดควำมเข้ำใจผิดว่ำเจ้ำหน้ำท ี ่
ี
จะต้องรับผิดในกำรกระท�ำต่ำง ๆ เป็นกำรเฉพำะตัวเสมอไปเม่อกำรท่ท�ำไปท�ำให้หน่วยงำนของรัฐต้อง
ื
รับผิดต่อบุคคลภำยนอกเพียงใดก็จะมีกำรฟ้องไล่เบ้ยเอำจำกเจ้ำหน้ำท่เต็มจ�ำนวนน้น ท้งท่บำงกรณีเกิดข้น
ั
ั
ี
ี
ี
ึ
โดยควำมไม่ต้งใจ หรือควำมผิดพลำดเพียงเล็กน้อยในกำรปฏิบัติหน้ำท่นอกจำกน้น ยังมีกำรน�ำหลักเร่องลูกหน ้ ี
ั
ั
ี
ื
ร่วมในระบบกฎหมำยแพ่งมำใช้บังคับ ให้เจ้ำหน้ำท่ต้องร่วมรับผิดในกำรกระท�ำของเจ้ำหน้ำที่ผู้อ่นด้วย
ื
ี
ึ
ี
ั
ซ่งระบบน้นมุ่งหมำยแต่จะได้เงินครบโดยไม่ค�ำนึงถึงควำมเป็นธรรมท่จะมีต่อแต่ละคน กรณีเป็นกำรก่อให้เกิด
ี
ั
ี
ควำมไม่เป็นธรรมแก่เจ้ำหน้ำท่และยังเป็นกำรบ่นทอนก�ำลังขวัญ ในกำรท�ำงำนของเจ้ำหน้ำท่ด้วยจน
ี
ั
ี
บำงคร้งกลำยเป็นปัญหำในกำรบริหำรเพรำะเจ้ำหน้ำท่ไม่กล้ำตัดสินใจด�ำเนินงำนเท่ำท่ควร เพรำะเกรงควำม
ื
่
ี
รบผดชอบทจะเกิดแก่ตน อน่ง กำรให้คุณให้โทษแก่เจ้ำหน้ำทเพอควบคุมกำรท�ำงำนของเจ้ำหน้ำท่ยังม ี
่
ี
ั
ิ
ี
ึ
่
ึ
วิธีกำรในกำรบริหำรงำนบุคคล และกำรด�ำเนินกำรทำงวินัยก�ำกับดูแลอีกส่วนหน่ง อันเป็นหลักประกันมิให้
ี
ั
เจ้ำหน้ำท่ท�ำกำรใด ๆ โดยไม่รอบคอบอยู่แล้ว ดังน้น จึงสมควรก�ำหนดให้เจ้ำหน้ำท่ต้องรับผิดทำงละเมิด
ี
ื
ี
ในกำรปฏิบัติงำนในหน้ำท่เฉพำะเม่อเป็นกำรจงใจกระท�ำเพ่อกำรเฉพำะตัว หรือจงใจให้เกิดควำมเสียหำย
ื
ื
ิ
ั
�
้
ิ
ั
หรอประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรงเท่ำนน และให้แบ่งแยกควำมรับผดของแต่ละคนมให้นำหลกลกหน ี ้
ู
ร่วมมำใช้บังคับ ท้งน้ เพ่อให้เกิดควำมเป็นธรรมและเพ่มพูนประสิทธิภำพในกำรปฏิบัติงำนของรัฐ จึงจ�ำเป็น
ื
ิ
ี
ั
ต้องตรำพระรำชบัญญัตินี้