Page 55 - หนังสืองานพี่ป๋อม
P. 55

กลองสองหน้า สมพงษ์ พงษ์พรหม  ฉิ่ง พิเชษฐ์ บัวเทศ ฉาบเล็ก ธงชัย ชิตชอบ ขับร้อง รัก

          ชนก ศุขสายชล
                 วงพิณทองบรรเลงเพลงโหมโรงกราวนอก วงศิษย์มาลัยมาลย์ บรรเลงเพลงโหมโรง
          พระรามเดินดง วงสุพจน์ โตสง่า บรรเลงเพลงโหมโรงมะลิเลื้อย จบเพลงโหมโรงก็เดี่ยวกราว
          ในกันเลย ระนาดเอกบรรเลงเถา เครื่องมืออื่นๆบรรเลงสามชั้น เริ่มไล่กันมาจากวงพิณทอง วง
          ศิษย์มาลัยมาลย์ วงสุพจน์ โตสง่า บรรเลงกันแบบชิ้นต่อชิ้น เครื่องดนตรีต่อเครื่องดนตรีและ
          ลากันด้วยเพลงพระอาทิตย์ชิงดวง
                 ครูเจี๊ยบ สืบศักดิ์ ดุริยประณีต มาเล่าให้ผมฟังภายหลังว่าทราบข่าวก่อนงานนี้ว่า
          ป๋อมเป็นคนระนาดเอกประชันเพลงกราวในโดยครูจ าเนียร ศรีไทยพรรณมาแจ้งข่าว ครูเจี๊ยบ

          แปลกใจมากตอนนั้นเพราะไม่เคยเห็นป๋อมตีระนาดมาก่อน พอหลังงานนั้นจึงได้เห็นป๋อม
          บรรเลงงานต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ครูเจี๊ยบ สืบศักดิ์เป็นคนอัธยาศัยดีพบเจอป๋อมครั้งใดจะ
          ทักทายด้วยวาจาสุภาพกับผมซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานอยู่เรื่อยมา ท าให้ผมรู้สึกดีกับครูเจี๊ยบตั้งแต่
          ก่อนมาร่วมวงกันมาหลายปี  เวลาอยู่ในวงรับประทานอาหารกันค าพูดติดปากของครูเจี๊ยบคือ
          “ พี่จ าเนียร(ศรีไทยพันธ์)เป็นคนบอกให้ระวังเอาไว้นะเจี๊ยบ เจ้าป๋อมตีระนาดไหว” ครูเจี๊ยบ
          บอกรู้สึกงงเพราะไม่เคยเห็นป๋อมตีระนาดที่ไหนงานที่วัดสิงห์ที่คิดว่าจะได้ชมก็กลายเป็นพี่
          เสมียน พอมาถึงงานเดี่ยวกราวในโรงละครครั้งนี้นั่นเองจึงได้ชมเต็มตา

                 อีกเรื่องหนึ่งที่ควรบันทึกไว้คือ วงเราขาดคนปี่รุ่นเด็กที่จะเป่าปี่ในเพลงกราวใน แต่
          ป๋อมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งเป็นคนซอด้วงที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ แต่ผมรู้กันวงในว่า เพื่อนคนนี้เป่าปี่
          ได้เขาคือครูยิ้ม จักรายุทธ ไหลสกุล (ปัจจุบันเป็นครูสอนวิทยาลัยนาฏศิลป์กรุงเทพ)
          เมื่อวัยเด็กเพื่อนคนนี้เป็นคนผอมก้างมาก เขาเลยมุมานะเล่นกล้ามจนหุ่นเป็นนักกล้ามอย่างที่
          เห็นในปัจจุบัน(ฮา)  ยิ้มเป็นคนขยันและนิสัยต้องกันกับผม เขาเป็นคนซอและผมเป็นคนร้องที่
          วิทยาลัยนาฏศิลป์กรุงเทพในตอนนั้น แต่พองานนอกพวกเรากับกลายเป็นคนปี่และคนระนาด
          เอกอย่างประหลาด พอมิตรภาพสุขงอมผมก็พายิ้มมาฝากตัวเป็นศิษย์ของพ่อ พ่อปื๊ดได้ต่อ
          เพลงกราวในทางครูสมบัติ สุทิมให้ ซึ่งยิ้มกับผมถือว่าเป็นงานหนักในครั้งนั้นยิ้มเขานิสัย

          พิศดารขึ้นไปไล่ปี่บนหลังคาหลังบ้านที่ซอยลือชา 1 ในตอนนั้น ส่วนผมไล่ระนาดอยู่บน
          ระเบียงโรงเรียนของป้า มีพ่อและเพื่อนฝูงของพ่อคอยฟังและติชมลูกไม้ของระนาดเอกต่างๆ
          ในตอนนั้นคนกลองสองหน้าซ้อมคือพี่พจน์(สุพจนฺ ศุขสายชล)นักดนตรีวงเทศบาลกทม.




                                          36
   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60