Page 56 - หนังสืองานพี่ป๋อม
P. 56
ปัจจุบัน คนฉิ่งคือพี่ต๊อก(พิเชษฐ์ บัวเทศ) ซึ่งเมื่อต้นปี2554ยังพบเจอเขาอยู่ยังหล่อเหลา
เหมือนเดิมและดีใจที่เขาเลิกกินเหล้าและสูบบุหรี่แล้ว
พูดถึงคนกลองสองหน้าพี่พจน์เป็นคนน่าสงสารซ้อมกับป๋อมเป็นร้อยๆ เที่ยวพอใกล้
วันงานพ่อปื๊ดกลับไว้วางใจให้พี่สมพงษ์ พงษ์พรหม(นักดนตรีวงเทศบาลปัจจุบันเช่นกัน) เป็นผู้
บรรเลง คงเป็นเพราะเห็นว่าพี่พงษ์มีประสบการณ์เคยบรรเลงฆ้องวงใหญ่ในเวทีนี้มาครั้งหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ในงานเสือ สิงห์ กระทิง แรด ที่มีพ่อปื๊ด ครูสุรเดช ครูเมธา ครูพัฒน์ ประชันวงกัน
อย่างสมศักดิ์ศรีในปีก่อนหน้านี้ ในการฝึกซ้อมเตรียมตัวครั้งนั้นป๋อมได้ก าลังใจจากการแอบ
ชอบสาววิทยาลัยนาฏศิลป์คนหนึ่ง เธอเรียนเอกจะเข้เธอเรียนเป็นรุ่นน้องแต่ดันแก่กว่าผม
หนึ่งปีเป็นรักแบบแอบๆ รักเพราะดูเหมือนเธอไม่ค่อยสนป๋อมเท่าไหร่ ฮ่าๆ เธอผิวเข้มอักษร
ย่อ น.ครับ สาวคนแรกที่ผมชอบ หน้าคม ผมยังจ าหน้าเธอได้อยู่เลย เพื่อนๆ ผมคงพอจ าเธอ
ได้ แต่อย่างว่าเธอเรียกผมน้องป๋อมเลยหมดท่าเลยผม แต่ในตอนที่ประชันวงยังได้ก าลังใจกัน
อยู่ยังฮึกเหิม(ฮา) แต่พอหมดงานประชันผมจึงรู้ว่าเพื่อนๆ นาฏศิลป์ไปขอให้เธอให้ก าลังใจผม
โดยมิได้มีใจให้ป๋อมแต่อย่างใด โห โหดร้ายมาก หยุดเรื่องความรักไว้ก่อนยังมีอีกหลายคน อิอิ
การประชันในครั้งนั้นถือเป็นเรื่องศักดิ์ศรีของพ่อปื๊ดเลยทีเดียว ผมเครียดพอสมควร
ตอนนั้น ที่ว่าไล่ข้อเพลงกราวในวันละ 3 รอบยังไม่กดดันเท่าพ่อชอบนั่งเงียบๆหลังผมซ้อม
(ตอนหลังพ่อปื๊ดบอกกลับลุงศิริ พุ่มไชย จ.เพชรบุรีว่าเก๊กไปงั้นกลัวผมเหลิงในฝีมือ อ้าววว)
พอไล่ระนาดเสร็จได้ยิ้มคนปี่นี่แหละคอยปลอบให้ก าลังใจผมเสมอ เพราะคนอื่นๆ ในวง
ประชันเป็นรุ่นโตกว่าทั้งสิ้น พูดถึงวีรกรรมกับครูยิ้ม จักรายุธ ไหลสกุลมีอยู่ครั้งหนึ่งสมัยพ่อปื๊ด
ย้ายจากบ้านซอยลือชามาอยู่บ้านสวนหนองแขมแล้ว ตรงกับวันที่ ศจ.ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์
เสียชีวิตพอดี ผมเห็นว่าควรไล่ข้อระนาดไว้อาลัย ดร.อุทิศสักหน่อยราว 3-4ชม. ผมก็เริ่มลงมือ
ไล่ระนาดราว 4 ทุ่ม โดยครูยิ้มเคาะจังหวะให้ไล่ยาวไปถึงตี 2 เริ่มปวดฉี่ ท าท่าจะลงท่อนเพลง
จบการไล่ แต่ยิ้มบอกว่าไหนๆ ก็ไล่มายาวแล้วควรท าประวัติศาสตร์ไล่ข้อถึงฟ้าสว่างเลย พูด
กันอย่างไม่อายผมนุ่งผ้าขาวม้าในตอนนั้นยิ้มเขาเปิดผ้าให้ผมฉี่ลงร่องหน้าตาเฉย พอหมดเรื่อง
ปัสสาวะก็หิวน้ าอีกเขาก็เอาน้ ามาป้อนให้ผมแข็งใจไล่เรื่อยไป พอตี 5 ผมท าท่าป้อแป้หมดแรง
เราสองคนช่วยกันเอาปากร้องเยิ้วๆ แบบกองเชียร์(ฮา) แล้วก็ตีระนาดไปเยิ้วกันไป มองดู
คล้ายคนบ้า คนในสวนอื่นๆ ที่ก าลังเก็บดอกจ าปา จ าปี ตะโกนแซวว่าเฮ้ยท าไรกัน อิอิ ในที่สุด
ผมก็ท าส าเร็จจารึกเป็นประวัติศาสตร์การไล่ข้อระนาดตั้งแต่ 4 ทุ่มถึง 6 โมงเช้า เป็นเวลา 8
ชม.เศษ โดยไม่หยุดเลย ในคืนวันที่ ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์เสียชีวิตพอดี(วัน...เดือน...ปี...) แต่ถ้า
37