Page 215 - เอกสารฝนหลวง
P. 215
ประมวลและยืนยันผลสัมฤทธิ์ฯ เอกสารเฉลิมพระเกียรติฝนหลวง
จุดมุ่งหมายของขั้นตอนนี้เพื่อเริ่มทําให้ฝนตกจากเมฆเย็นโดยการให้แกนนํ้าแข็งเทียมเข้าสู่
ยอดเมฆเย็น ทําให้เกิดการแข็งตัวอย่างรวดเร็วของนํ้าเย็นยิ่งยวดที่มีอยู่ในเมฆที่กระแสตีขึ้นในเมฆ
หยดนํ้าเย็นยิ่งยวดจะแข็งตัวทําให้นํ้าที่เหลือทั้งหมดในมวลเมฆกลายเป็นเม็ดนํ้าแข็ง การแข็งตัวของ
หยดนํ้าจะเพิ่มการการปล่อยความร้อนแฝง เพิ่มการลอยตัวของเมฆ เพิ่มกระแสตีขึ้น และนําอากาศชื้น
เข้าสู่ฐานเมฆ เม็ดนํ้าแข็งที่เกิดขึ้นโตได้เร็วกว่า หยดนํ้าฝนในมวลที่เท่ากัน ดังนั้น นํ้าในเมฆจึงถูก
เปลี่ยนเป็นนํ้าแข็ง ก่อนที่จะตกลงผ่านระดับเยือกแข็ง และในที่สุด ละลายกลายเป็นหยดนํ้าฝน
ขั้นตอนนี้ทําโดยการยิงซิลเวอร์ไอโอไดด์ 20 กรัม ในแต่ละครั้ง เข้าที่ยอดเมฆ ซึ่งจะจุดเผาให้
ลุกวาบได้ประมาณ 5 – 15 จุด โดยทั่วไปจะทําที่ระดับการบิน 21,500 ฟุต แต่ละจุดที่ลุกวาบจะเผาอยู่
ประมาณ 40 วินาที และหล่นลงภายในเมฆเป็นระยะทางประมาณ 1 – 1.5 กิโลเมตร ทําให้เกิดอนุภาค
ซิลเวอร์ไอโอไดด์เป็นจํานวนมากกระตุ้นให้เกิดการแข็งตัวของหยดนํ้าเย็นยิ่งยวด
ขั้นตอนที่ 6 การโจมตีกลุ่มเมฆผสมซึ่งมีทั้งเมฆอุ่นและเมฆเย็นอยู่ โดยเทคนิคการโปรยสารเคมี
เข้าสู่เมฆด้วย “เทคนิคซูเปอร์แซนด์วิช” (Attacking Mixed (warm and cool) cloud by cloud
seeding technique called ‘Super Sandwich Technique’)
เป็นการโจมตีโปรยสารเคมีเข้าทั้งในเมฆเย็นและเมฆอุ่น ดังที่แสดงในรูปที่ 8 เมื่อมีเครื่องบิน
ทั้งสองชนิดคือที่โปรยสารเคมีเข้าเมฆเย็น และที่โปรยสารเคมีเข้าเมฆอุ่นให้ใช้งานได้ เกณฑ์ที่จะใช้
“เทคนิคซูเปอร์แซนด์วิช” นี้ คือเมื่อเมฆที่เกิดขึ้นในขั้นตอนที่ 2 เคลื่อนตามลมถึงยังพื้นที่เป้าหมาย
และยอดเมฆเลยระดับเยือกแข็งเหนือระดับ 21,500 ฟุต ขึ้นไป เมฆที่จะใช้งานได้ต้องมีปริมาณ
นํ้าเย็นยิ่งยวดอยู่ 1.0 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือมากกว่า และมีกระแสตีขึ้นบน (updraft) 5 เมตรต่อวินาที
หรือเร็วกว่าที่ระดับ 21,500 ฟุต
จุดมุ่งหมายของ “เทคนิคซูเปอร์แซนด์วิช” ก็เพื่อทําให้เกิดฝนจากเมฆเย็นหรือเมฆผสม
(ซึ่งในเมฆก้อนเดียวกันมีทั้งกระบวนการเมฆอุ่นและเมฆเย็น) โดยการใช้ปฏิบัติการขั้นตอนที่ 3, 4
และ 5 ร่วมกัน ในขณะที่ขั้นตอนที่ 3 (เทคนิคแซนด์วิช) ทําให้เม็ดนํ้าโตขึ้นในกระแสตีขึ้นแรงทําให้
ในยอดเมฆมีหยดนํ้าเย็นยิ่งยวดเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ขั้นตอนที่ 5 (เทคนิคการโปรยซิลเวอร์ไอโอไดด์
หรือที่เรียกว่าการโปรยแบบเกลชิโอเจนิก) จะทําให้หยดนํ้าเย็นยิ่งยวดขนาดใหญ่กว่าแข็งตัวได้ดีกว่า
ดังนั้นจะนํ้าในเมฆที่เหลืออยู่กลายเป็นเม็ดนํ้าแข็งได้เร็วกว่ามาก การเปลี่ยนนํ้าในก้อนเมฆให้กลายเป็น
นํ้าแข็งอย่างรวดเร็วจะปล่อยความร้อนแฝงออกมา เป็นผลให้เมฆเบาลอยตัวมากขึ้น เพิ่มกระแสตีขึ้นบน
และดึงอากาศชื้นเข้าสู่ฐานเมฆ นํ้าในเมฆส่วนใหญ่จึงถูกเปลี่ยนเป็นนํ้าแข็ง ก่อนที่จะตกลงผ่าน
ระดับเยือกแข็ง และ ละลายกลายเป็นหยดนํ้าฝนในที่สุด
ดังนั้น ปฏิบัติการขั้นตอนที่ 6 จึงทําโดยรวมเทคนิคการโจมตีทั้งเมฆอุ่นและเมฆเย็นเข้าด้วยกัน
และทําไปพร้อมๆ กัน ในกรณีนี้ทําโดยการโปรยสารเคมีดูดความร้อน – ดูดความชื้น ได้แก่ ผงเกลือ
160