Page 216 - เอกสารฝนหลวง
P. 216

ประมวลและยืนยันผลสัมฤทธิ์ฯ                                                                            เอกสารเฉลิมพระเกียรติฝนหลวง


                       โซเดียมคลอไรด์จากเครื่องบินเข้าที่ระดับกลางเมฆ (ประมาณ 10,000 ฟุต) และผงยูเรียที่ระดับฐานเมฆ

                       (แบบแซนด์วิช) ยิงซิลเวอร์ไอโอไดด์ 20 กรัม  ให้เกิดจุดลุกวาบเผาเป็นประกาย 5 – 15 จุด  เข้าที่
                       ยอดเมฆที่ระดับประมาณ 21,500 ฟุต   และโปรยเกล็ดนํ้าแข็งแห้งที่ระดับ 1,000 ฟุต  ตํ่ากว่าฐานเมฆ

                       โดยทํากระบวนการเหล่านี้ไปพร้อมๆ กัน

                              หลังปฏิบัติการโดยเทคนิคซูเปอร์แซนด์วิชนี้  ฝนจะตกลงยังพื้นที่เป้าหมายที่กําหนดไว้เป็นเม็ดฝน
                       ในทันทีหรือในระยะเวลาอันสั้นหลังจากปฏิบัติการ

                              “เทคโนโลยีฝนหลวง”   ยังสามารถใช้ได้ในการป้องกันการเกิดลูกเห็บ  โดยปฏิบัติการ
                       “เทคนิคซูเปอร์แซนด์วิช” ทําให้เกิดตกลงมาเป็นฝน ณ เวลาก่อนที่จะเกิดการแข็งตัวของนํ้ากลายเป็น

                       ลูกเห็บ  ปฏิบัติการดังกล่าวจะยับยั้งการเกิดลูกเห็บ และ ลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้าน
                       และโดยเฉพาะพวกผลิตผลทางการเกษตร   ยิ่งไปกว่านั้น  คือการทําให้เส้นทางการบินโปร่งเห็นได้ชัดเจน

                       เพื่อความปลอดภัยในการบิน  เป็นการโปรยสารให้มากเกินความจําเป็นโดยโปรยสารคายความร้อน –
                       ดูดความชื้น ได้แก่แคลเซียมคลอไรด์เข้าสู่มวลเมฆ  มวลเมฆหนาทึบจะแยกออกเป็นเส้นทางโล่ง

                              การทําฝนตกจากเมฆลักษณะเป็นชั้นๆ คลุมพื้นที่ในหุบเขา หรือบริเวณอ่างเก็บนํ้าที่อยู่ระหว่าง
                       หุบเขาต่างๆ ซึ่งการเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าวทําได้ค่อนข้างยาก  สามารถทําได้โดยปล่อยสารคายความร้อน

                       – ดูดความชื้น ได้แก่ แคลเซียมคลอไรด์และสารดูดความร้อน – ดูดความชื้น ได้แก่ ยูเรีย ให้คลุมก้อนเมฆ

                       สลับกันไป ในขณะเดียวกันให้โปรยสารดูดความชื้น ได้แก่ โซเดียมคลอไรด์ ทับไปบนยอดเมฆที่กําลัง
                       จะพัฒนาสูงขึ้น  ปฏิบัติการนี้ประสบความสําเร็จในการทําให้ฝนตกเป็นปริมาณเพียงพอในพื้นที่

                              เทคโนโลยีนี้ยังสามารถใช้เพิ่มปริมาณนํ้าในอ่างเก็บนํ้า  และเพิ่มนํ้าให้มีใช้พอในพื้นที่
                       เกษตรกรรม  ฝนที่เพิ่มขึ้นในแอ่งรับนํ้าของบริเวณกักเก็บนํ้าหลักๆ ช่วยเพิ่มนํ้าเก็บไว้ใช้เพื่อการชลประทาน

                       ได้ในทุกฤดูกาล  นํ้าที่เก็บในบริเวณกักเก็บนํ้าที่มีเพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มการเกษตรในบริเวณชลประทาน
                       ที่ขยายตัวอยู่ตลอดเวลาแม้ในบริเวณที่เคยขาดแคลนนํ้า   การสร้างพลังงานจากนํ้าสามารถทําได้เพียงพอ

                       ทั้งสําหรับความต้องการระดับพื้นฐานและยามที่ความต้องการเพิ่มสูงมาก  โดยการใช้นํ้าที่ผลิตโดย

                       “เทคโนโลยีฝนหลวง” และยังลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงรูปแบบอื่นจากซากสิ่งมีชีวิต (fossil fuel)
                       ที่นํามาใช้เป็นพลังงาน   ปริมาณนํ้าจืดที่ได้เพิ่มขึ้นยังช่วยลดความเค็มและปัญหามลพิษที่บริเวณใต้นํ้า

                       ลงไปอีกด้วย
                              จึงปรากฏชัดเจนให้เห็นถึงประโยชน์จากการประดิษฐ์ “เทคโนโลยีฝนหลวง” นี้ว่ายิ่งใหญ่

                       มหาศาล และยังเป็นความก้าวหน้าอย่างยิ่งใหญ่ในการพัฒนาวิธีการดัดแปรสภาพอากาศ
                              การประดิษฐ์นี้และประโยชน์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นสามารถรับรู้เข้าใจได้จากที่ได้อธิบายมาแล้วข้างต้น

                       ซึ่งไม่เบี่ยงเบนไปจากขอบเขตของการประดิษฐ์  ซึ่งผู้ที่มีความเชี่ยวชาญระดับปรกติในสาขานี้
                       จะสามารถเข้าใจได้   ดังนั้นเป็นที่เข้าใจในเจตนาว่าทุกประเด็นที่ได้อธิบายมาข้างต้นรวมทั้งที่แสดง

                       ในภาพวาดที่ใช้ร่วมกันเป็นเพื่อความเข้าใจแต่ไม่จํากัดอยู่เพียงนั้น




                                                              161
   211   212   213   214   215   216   217   218   219   220   221