Page 212 - เอกสารฝนหลวง
P. 212
ประมวลและยืนยันผลสัมฤทธิ์ฯ เอกสารเฉลิมพระเกียรติฝนหลวง
Nuclei, CCN) และเพิ่มช่วงขนาดของมันในกระแสลมพาความร้อน (convective air plumes) ดังนั้น
ขั้นตอนนี้เริ่มเมื่อท้องฟ้าโปร่งหรือเมื่อมีเมฆเกิดอยู่บ้างในตอนเช้าๆ และมีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ
ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ณ ความสูง ที่ 7,000 ฟุตเหนือนํ้าทะเลในพื้นที่
ขั้นตอนนี้ทําโดยโปรยผงของสารดูดความชื้นที่มีความชื้นสัมพัทธ์วิกฤตค่อนข้างตํ่าที่มีขนาด
อนุภาคในช่วงค่อนข้างกว้าง เป็นปริมาณมากหลายตันลงมาจากเครื่องบิน สารที่ใช้คือเกลือโซเดียมคลอไรด์
โปรยเข้ายังมวลอากาศ หรือ ที่สองสามพันฟุตเหนือระดับการก่อเมฆ หรือที่ Convective condensation
level, CCL ที่จุดเหนือลมจากบริเวณพื้นที่เป้าหมายที่กําหนด และ ณ เวลาก่อนที่เมฆธรรมชาติจะก่อตัวขึ้น
หลังจากโปรยแล้ว จะเกิดการควบแน่นเกิดเป็นหยดนํ้าในก้อนเมฆเป็นจํานวนมาก และเกิดเมฆ
ขึ้นมากในบริเวณทําเมฆนั้น จากนั้นเมฆสามารถเติบโตขึ้นด้วยตัวมันเอง เนื่องจากการควบแน่น
เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและการนําพาความร้อนที่บริเวณนั้นจะช่วยส่งเสริม
ขั้นตอนที่ 2 “การเลี้ยงเมฆให้อ้วน และการเคลื่อนย้ายเมฆ” (Fattening and Moving)
จุดมุ่งหมายของขั้นตอนนี้ ดังที่แสดงไว้ในรูปที่ 4 คือการทําให้หยดนํ้าฝนที่เกิดเพิ่มขึ้น และ
ทําให้มวลเมฆเพิ่มขึ้นโดยส่งเสริมกระบวนการที่หยดนํ้าในมวลเมฆชนและรวมตัวกัน (collision and
coalescence process) (ดังนั้น จะขยายช่วงขนาดของหยดนํ้าในเมฆ) และเพิ่มกระแสลมตีขึ้น
ในมวลเมฆอันเนื่องมาจากพลังงานความร้อนที่ปลดปล่อยออกมาจากปฏิกิริยาคายความร้อน ขั้นตอนนี้
เริ่มขึ้นเมื่อยอดเมฆที่เกิดขึ้นในขั้นตอนที่ 1 โตจนถึง 10,000 ฟุต
ขั้นตอนนี้ทําโดย โปรยผงของสารดูดความชื้นและคายความร้อนที่มีขนาดอนุภาคสองสามร้อย
ไมครอน เป็นปริมาณมากหลายตันลงมาจากเครื่องบิน สารที่ใช้คือเกลือแคลเซียมคลอไรด์ โปรยเข้าสู่
ส่วนที่ยกตัวขึ้นของเมฆที่ระดับประมาณ 8,000 ฟุต
หลังจากโปรยแล้ว อัตราเร็วในการเติบโตของเมฆจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากจะมีการยกตัวเพิ่มขึ้น
ดึงในมวลอากาศชื้นเข้าสู่ฐานเมฆ จํานวนของเม็ดฝนขนาดใหญ่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะหยดนํ้า
ในมวลเมฆจะชนและรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ
เมฆที่โตขึ้นจากขั้นตอนนี้ แบ่งได้เป็นสองประเภทขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของยอดเมฆ และกลไก
การเกิดฝน เมฆสองประเภทนี้คือ “เมฆอุ่น” และ “เมฆเย็น” โดยย่อคือ ถ้ายอดเมฆสูงขึ้นในท้องฟ้า
เลยระดับเยือกแข็ง (สูงกว่า 18,000 ฟุต) ขึ้นไป จะเรียกว่า “เมฆเย็น” ตํ่ากว่านั้นลงมาเรียกว่า “เมฆอุ่น”
จุดมุ่งหมายในการเคลื่อนย้ายเมฆ คือ การเคลื่อนเมฆจากที่บริเวณหนึ่ง จะให้ถูกโจมตีตกเป็นฝน
ที่อีกบริเวณหนึ่งที่กําหนดไว้ไกลออกไป
ขั้นตอนนี้สามารถทําได้ในสถานการณ์แตกต่างหลายแบบดังต่อไปนี้
กรณีที่ 1 เคลื่อนย้ายเมฆจากพื้นที่ราบบริเวณหนึ่งไปยังพื้นที่เป้าหมายที่กําหนดไว้ใต้ลมที่อยู่
ใกล้เคียงกัน
157