Page 264 - เอกสารฝนหลวง
P. 264

ประมวลและยืนยันผลสัมฤทธิ์ฯ                                                                            เอกสารเฉลิมพระเกียรติฝนหลวง

                                     (2)  ใช้เครื่องบินเซสน่า  หมายเลขเกษตร 209  อีกเครื่องหนึ่งบรรทุกก้อนแข็งแห้ง

                       ที่ถูกย่อยเป็นก้อนเล็กขนาดประมาณ 1 ลูกบาศก์นิ้ว  นํ้าหนักรวมประมาณ 200 กิโลกรัม  โปรยตามหลัง
                       ตามแนวบินของเครื่องบิน 207  ดังกล่าวในข้อ (1) ในอัตรา 100 กรัมทุก 30 วินาที  หากนํ้าแข็งแห้ง

                       ยังเหลือโปรยย้อนกลับตามแนวบิน  ทางใต้ลมประมาณ 5  กิโลเมตร  ขนานกับแนวบินแรกจนหมด

                       การปฏิบัติการทดลองซํ้าตามข้อ (1) และข้อ (2) ตามแนวบินใต้ลม  ของแต่ละแนวบินเริ่มต้นดังกล่าว

                                     (3)  พัฒนาวิธีการโปรยพร้อมกัน เสริมการเจริญเติบโตของเมฆตามข้อ (1) และ ข้อ (2)
                       โดยใช้เครื่องบินไอร์แลนเดอร์ 501  โปรยก้อนนํ้าแข็งแห้งในอัตรา 100 กรัม  ทุก 30 วินาที

                       จํานวนประมาณ 500 กิโลกรัม  ทับยอดเมฆที่ระดับ 10,000 ฟุต  และเข้าไปในเมฆเป็นครั้งคราว
                       หากยอดเมฆสูงเกินกว่า 10,000 ฟุต   และโดยเครื่องบินอีกชุดหนึ่ง (ประกอบด้วย เซสน่า 207 และ 209

                       บรรทุกสารละลาย  รวมประมาณ 400 กิโลกรัม) พ่นละอองสารละลายที่ฐานเมฆ   เป็นการเร่งเร้า

                       ให้เมฆทดลองเจริญเติบโตเร็วยิ่งขึ้นทั้งเมฆเกิดใหม่และเมฆเดิม

                                     7.3  ข้อสังเกตและข้อสันนิษฐาน

                                     (1)  หลังจากเสร็จสิ้นการบินปฏิบัติการค้นคว้าทดลองในท้องฟ้า ตามข้อ 7.2  (1), (2)

                       และ (3)  จากการสังเกตการณ์ด้วยสายตาทางเครื่องบินและทางภาคพื้นดิน พบว่า มีเมฆเกิดใหม่
                       ก่อตัวเป็นปุยเมฆสีขาวขึ้นมาเสริมเมฆเดิมที่มีอยู่แล้วในพื้นที่ทดลองและตามแนวโปรยสาร  ปริมาณ

                       เมฆเกิดใหม่เสริมเมฆเดิมให้มีปริมาณมากขึ้นเห็นได้อย่างชัดเจน  เมฆเดิมที่ได้รับสารทดลองเจริญเติบโต
                       เป็นก้อนใหญ่และสีเทาเข้มยิ่งขึ้น  สันนิษฐานว่า เพราะความชื้นสัมพัทธ์ตามแนวโปรยในพื้นที่ทดลอง

                       สูงขึ้นกว่าเดิม   ก้อนนํ้าแข็งแห้งขนาดประมาณ 1 ลูกบาศก์นิ้ว ซึ่งถูกใบพัดเครื่องบินเป่าให้กระจาย
                       ไปในกลุ่มอากาศและในเมฆร่วงหล่นลง  ทําให้เกิดร่องสูญญากาศ (Vacuum Trajectory) จํานวนมาก

                       ไอนํ้าและอณูนํ้าที่มีอยู่เดิมรวมกับละอองอณูนํ้าที่ถูกพ่นจากเครื่องบินทําให้ความชื้นสัมพัทธ์ในกลุ่มอากาศ
                       และในเมฆโดยรอบแต่ละร่องสูญญากาศดังกล่าวสูงขึ้น และเคลื่อนตัวเข้าแทนที่ร่องสูญญากาศนั้น

                       ทําให้อณูนํ้าชนและรวมตัวกันเป็นเม็ดนํ้า (Water Droplet) ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและรวมตัวกันเป็น

                       เมฆเกิดใหม่   ส่วนเมฆเดิมที่มีอยู่แล้ว  อุณหภูมิเย็นจัดของก้อนนํ้าแข็งแห้งทําให้เกิด ร่องสูญญากาศ
                       ในเมฆตามจํานวนก้อนนํ้าแข็งแห้งที่ถูกหยอดเข้าไปกระจายอยู่ในเมฆดังกล่าว  ทําให้อุณหภูมิอากาศ

                       โดยรอบร่องสูญญากาศเย็นลงด้วย   ช่วยให้ไอนํ้าและอณูนํ้าในอากาศของเมฆเดิมเคลื่อนตัวเข้าแทนที่
                       ร่องสูญญากาศเกิดการชนและรวมตัวเป็นเม็ดนํ้าขนาดใหญ่ขึ้นและเข้าไปเกาะกลั่นตัวรอบอณูนํ้าและ

                       เม็ดนํ้าที่มีขนาดใหญ่กว่าทําให้เจริญขึ้นเป็นหยดเมฆที่มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น
                                     ลักษณะการโปรยนํ้าแข็งแห้งดังกล่าว  คล้ายกับเป็นการสร้าง  ม่านความเย็นของ

                       ร่องสูญญากาศตามแนวบินโปรยนํ้าแข็งแห้งที่ค่อยๆ โรยตัวลงมาจนถึงพื้น  อากาศทั้ง 2  ด้านของ

                       ม่านความเย็นจะเคลื่อนตัวเข้าแทนที่ร่องสูญญากาศของม่านความเย็น  และผสมกับมวลอากาศที่เย็นกว่า
                       ของ ม่านความเย็น   ชักนําไอนํ้าและอณูนํ้าในอากาศทั้ง 2 ด้านเข้ามาผสมกับอากาศ และความชื้นสัมพัทธ์



                                                              218
   259   260   261   262   263   264   265   266   267   268   269