Page 106 - 10_พระราชบญญตตำรวจแหงชาต2547_Neat
P. 106

๙๙




                             กรณีตามวรรคหนึ่ง ถาเปนการกลาวหา หรือฟองคดีอาญาหรือตองหาคดีอาญาหลังจากที่
                 ขาราชการตํารวจผูนั้นออกจากราชการแลว ใหผูมีอํานาจดําเนินการทางวินัยมีอํานาจดําเนินการสืบสวน

                 หรือพิจารณา ดําเนินการทางวินัย และสั่งลงโทษตามที่บัญญัติไวในหมวดนี้ตอไปไดเสมือนวาผูนั้น
                 ยังมิไดออกจากราชการ โดยตองเริ่มดําเนินการสอบสวนภายในหนึ่งปนับแตวันที่ผูนั้นออกจากราชการ

                 และตองลงโทษภายในสามปนับแตวันที่ผูนั้นออกจากราชการ สําหรับกรณีที่เปนความผิดที่ปรากฏ
                 ชัดแจงตามมาตรา ๘๗ วรรคสาม จะตองสั่งลงโทษภายในสามปนับแตผูนั้นออกจากราชการ

                             ในกรณีที่ศาลปกครองมีคําพิพากษาคดีถึงที่สุดใหเพิกถอนคําสั่งลงโทษ หรือองคกรพิจารณา
                 อุทธรณคําสั่งลงโทษทางวินัยหรือองคกรตรวจสอบรายงานการดําเนินการทางวินัย มีคําวินิจฉัยถึง

                 ที่สุดหรือมีมติใหเพิกถอนคําสั่งลงโทษตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง เพราะเหตุกระบวนการดําเนินการ
                 ทางวินัยไมชอบดวยกฎหมาย ใหผูมีอํานาจดําเนินการทางวินัยดําเนินการทางวินัยใหแลวเสร็จภายใน

                 สองปนับแตวันที่มีคําพิพากษาถึงที่สุด หรือมีคําวินิจฉัยถึงที่สุดหรือมีมติ แลวแตกรณี
                             การดําเนินการทางวินัยตามวรรคหนึ่ง วรรคสองและวรรคสาม ถาผลการสอบสวนพิจารณา
                 ปรากฏวาผูนั้นกระทําความผิดวินัยอยางไมรายแรงก็ใหงดโทษ

                             ความในมาตรานี้มิใหใชบังคับแกขาราชการตํารวจซึ่งถูกสั่งใหออกจากราชการไวกอน
                 ตามมาตรา ๙๕

                                          ô÷
                             ÁÒμÃÒ ùô/ñ   ในกรณีที่คณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแหงชาติ
                 หรือคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐมีมติชี้มูลความผิดขาราชการตํารวจผูใด

                 ซึ่งออกจากราชการแลว การดําเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษแกขาราชการตํารวจผูนั้นใหเปนไปตาม
                 หลักเกณฑและเงื่อนไขที่กําหนดไวในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญวาดวยการปองกันและปราบปราม

                 การทุจริตหรือกฎหมายวาดวยมาตรการของฝายบริหารในการปองกันและปราบปรามการทุจริต
                 แลวแตกรณี

                             ÁÒμÃÒ ùõ  ขาราชการตํารวจผูใดมีกรณีถูกกลาวหาวากระทําผิดวินัยอยางรายแรง
                 จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน หรือตองหาวากระทําความผิดอาญาหรือถูกฟองคดีอาญา เวนแตเปน

                 ความผิดที่ไดกระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ผูมีอํานาจตามมาตรา ๗๒ หรือผูบังคับบัญชาอื่น
                 ตามที่กําหนดในระเบียบ ก.ตร. มีอํานาจสั่งพักราชการหรือสั่งใหออกจากราชการไวกอนเพื่อรอฟง

                 ผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัยได แตถาภายหลังปรากฏผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัยวาผูนั้น
                 มิไดกระทําผิดหรือกระทําผิดไมถึงกับถูกลงโทษปลดออกหรือไลออก และไมมีกรณีที่จะตองออกจาก

                 ราชการดวยเหตุอื่นก็ใหผูมีอํานาจดังกลาวสั่งใหผูนั้นกลับเขารับราชการในตําแหนงเดิมหรือตําแหนง
                 ในระดับเดียวกันที่ผูนั้นมีคุณสมบัติตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหนงนั้น




                    ๔๗   มาตรา ๙๔/๑ เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติตํารวจแหงชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ (เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๔๓ ก วันที่
                 ๕ เมษายน ๒๕๖๒)
   101   102   103   104   105   106   107   108   109   110   111