Page 38 - Top Executive Sharing
P. 38
36
การถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณในการปฏิบัติงานจากผู้บริหารระดับสูง
โดย นางกิ่งกาญจน์ บุญประสิทธิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม
วันที่ 6 กันยายน 2562
ณ ส านักผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ชั้น 8
อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ
ค าถาม : ท่านช่วยกรุณาเล่าประสบการณ์ในการท างานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ท่านได้รับผิดชอบ
ในภารกิจและหน้าที่ที่ส าคัญในด้านใดบ้าง
ในการทํางานเริ่มต้นรับราชการตั้งแต่ในปี 2521 ในตําแหน่งเจ้าหน้าที่พิมพ์ดีด ระดับ 1 ในการทํางาน
ก็ไม่ได้มีอะไรตื่นเต้นและได้เจริญเติบโตในหน้าที่การงานมาตามลําดับ เป็นโชคดีที่ว่าตั้งแต่เริ่มทํางาน
ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้ทํางานในภารกิจต่างๆ และเป็นการเรียนรู้จากการปฏิบัติงานไปด้วย
ในตอนนั้นระหว่างที่ทํางานก็ต้องศึกษาเล่าเรียนไปด้วย จนกระทั้งสําเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี
ในช่วงแรกที่ทํางาน ณ สถานพินิจคุ้มเด็กและเยาวชน ตั้งแต่ยังไม่ได้จัดตั้งขึ้นเป็นส่วนราชการระดับกรม
โดยสถานพินิจคุ้มเด็กและเยาวชน ยังอยู่ภายใต้สังกัดกับศาลเยาวชนและครอบครัว อีกทั้ง ศาลเยาวชน
และครอบครัวยังอยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เมื่อสําเร็จการศึกษาก็ได้ปรับระดับจากตําแหน่งในสายงาน
ระดับ 1-2 เป็นสายงานระดับ 3 ในตําแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป อีกทั้ง ได้รับความไว้วางใจจาก
ผู้บังคับบัญชาให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ซึ่งเป็นแผนกที่เปิดขึ้นใหม่จํานวน 2 แห่งแรก
โดยได้รับตําแหน่งหัวหน้าฝุายบริหารทั่วไป เมื่อดํารงในตําแห่งหัวหน้าฝุายบริหารทั่วไปก็มีภารกิจในการทํางาน
ที่มากขึ้นและเติบโตในการปฏิบัติงานเรื่อยมา ในช่วงต่อมาก็ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขารัฐประศาสนศาสตร์
โดยชีวิตราชการส่วนใหญ่จะปฏิบัติหน้าที่ที่กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน มีในบางช่วงที่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่อื่น
โดยมาช่วยราชการ ณ กองการเจ้าหน้าที่ สํานักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง ในสมัยที่
ท่านชูจิรา กองแก้ว เป็นผู้อํานวยการกองการเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นได้แต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งหัวหน้า
ฝุายบัญชีและงบประมาณ กองคลัง สํานักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นในช่วงสั้นๆ
อีกทั้ง เผอิญช่วงนั้นเป็นช่วงการปฏิรูประบบราชการ มีการปรับโครงสร้างหน่วยงานราชการและแก้ไข
พระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม ในปี 2545 กระทรวงยุติธรรมมีการแบ่งส่วนราชการใหม่
โดยสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้รับการยกสถานะเป็นส่วนราชการในระดับกรม ในตอนนั้นได้รับ
การทาบทามจาก ท่านธวัชชัย ไทยเขียว ซึ่งท่านได้ดํารงตําแหน่งรองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก
และเยาวชน ขอให้มาช่วยกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ในส่วนของงานการเจ้าหน้าที่ ซึ่งในตอนแรก
คิดว่าคงมาช่วยไม่นานหากเสร็จภารกิจก็ขอกลับไปทํางานที่เดิม โดยท่านธวัชชัยฯ ท่านก็มีวาทศิลป์ในการพูด
ที่จะให้ไปช่วยงานของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ท่านบอกว่า “ท่านไม่ได้เติบโตจากกรมพินิจฯ
แต่ท่านมาช่วยกรมพินิจฯ ซึ่งเราเป็นคนของกรมพินิจฯ จึงอยากให้เรามาช่วยงานของกรมพินิจฯ” ตอนนั้น
ก็คิดสักระยะหนึ่งแต่ด้วยความผูกพันกับหน่วยงาน จึงตอบตกลงในการมาปฏิบัติงาน โดยรับผิดชอบในงานด้าน
การปรับโครงสร้างและการปรับเปลี่ยนสายงาน รวมถึงการจัดสรรคนลงในตําแหน่ง เนื่องจากกรมพินิจและ
คุ้มครองเด็กและเยาวชนได้กรอบอัตรากําลังไม่ครบตามโครงสร้าง โดยโครงสร้างก่อนที่จะเป็นส่วนราชการ
ระดับกรมมีอัตราโครงสร้างจํานวน 1,485 อัตรา เมื่อเป็นส่วนราชการระดับกรมโครงสร้างต้องมีการขยายขึ้น
แต่ได้รับการจัดสรรอัตราที่เพิ่มขึ้นจํานวน 6 อัตรา รวมเป็นจํานวน 1,491 อัตรา ซึ่งเป็นปัญหาในการจัดสรร
บุคลากรลงตามตําแหน่ง โดยโครงสร้างที่ได้รับความเห็นชอบจากสํานักงาน ก.พ. ยังมีโครงสร้างไม่สอดคล้อง
กับอัตรากําลังที่ปฏิบัติงานอยู่จริง