Page 38 - กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
P. 38

๓๑




                                              (๙)  ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹μ‹ÍÊÙŒËÃ×͢Ѵ¢Çҧ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ตาม  ป.อ.
                 มาตรา ๑๓๘ (คําพิพากษาฎีกาที่ ๓๐๓/๒๔๙๖)

                                              (๑๐)  ¤ÇÒÁ¼Ô´μ‹Í¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμԤǺ¤ØÁ¡Òá‹ÍÊÌҧÍÒ¤ÒÃáÅÐ
                 ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμԤǺ¤ØÁÍÒ¤Òà (คําพิพากษาฎีกาที่ ๒๙๒๘-๒๙๓๔/๒๕๒๖)

                                              (๑๑)  ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹ทําãËŒàÊÕÂËÒÂËÃ×ÍทําãËŒÊÙÞËÒ«Öè§·ÃѾÊÔ¹
                 ËÃ×ÍàÍ¡ÊÒ÷Õè਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ä´ŒÂÖ´ËÃ×ÍÊÑè§ใหสงเพื่อเปนพยานหลักฐานหรือเพื่อบังคับการใหเปนไปตาม

                 กฎหมายตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๒ (คําพิพากษาฎีกาที่ ๖๖๕/๒๕๑๗ (ประชุมใหญ)
                                              (๑๒)  ¤ÇÒÁ¼Ô´μÒÁ»ÃÐÁÇÅÃÑɮҡÃËÃ×;ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÔÈØÅ¡Ò¡Ã

                 ก็เปนความผิดที่กฎหมายมุงคุมครองประโยชนของรัฐเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีอากรโดยเฉพาะ เอกชน
                 คนหนึ่งคนใดหาเปนผูเสียหายที่จะมีอํานาจฟองไม แมเอกชนนั้นจะไดรับความเสียหายจากการที่จําเลย

                 ฝาฝนกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากรก็ตาม (คําพิพากษาฎีกาที่ ๒๔๗๑/๒๕๑๘)
                                              (๑๓)  ¤ÇÒÁ¼Ô´μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÔ¡ÒÃàÅ‹¹áªÃ  พ.ศ.๒๕๓๔

                 (คําพิพากษาฎีกาที่ ๒๙๒๖/๒๕๔๔)

                                              (๑๔)  ¤ÇÒÁ¼Ô´μ‹Í¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÔÍÒËÒà พ.ศ.๒๕๒๒ (คําพิพากษา
                 ฎีกาที่ ๖๕๑๓/๒๕๔๖)
                                              (๑๕)  ¤ÇÒÁ¼Ô´μ‹Í¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÔÂÒàʾμÔ´ãËŒâ·É พ.ศ.๒๕๒๒

                 (คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๖๓๗/๒๕๔๘)

                                              (๑๖)  ¤ÇÒÁ¼Ô´μ‹Í¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÔ¡Òø¹Ò¤ÒþҳԪ มาตรา ๒๕๐๕
                 มาตรา ๑๒ (๙) (คําพิพากษาฎีกาที่ ๗๘๑๙/๒๕๕๒)
                                              (๑๗)  ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹«‹Í§â¨Ã (คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๖๖๔๐/๒๕๕๕)

                                              ตามแนวคําพิพากษาฎีกาดังกลาวขางตนนี้มีขอสังเกตที่เห็นไดชัดเจน

                 ในบรรดาความผิดตางๆ ที่ศาลฎีกาวินิจฉัยวา รัฐเทานั้นเปนผูเสียหาย เอกชนคนหนึ่งคนใดไมอาจ
                 เปนผูเสียหายไดนั้น ÈÒŮաҾԨÒóҨҡà¹×éÍËÒͧ¤»ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´¢Í§¡®ËÁÒÂ໚¹ËÅѡNjÒ

                 ¶ŒÒͧ¤»ÃСͺ¤ÇÒÁ¼Ô´ã´ ÇÑμ¶ØáË‹§¡ÒáÃÐทํา·Õè¡®ËÁÒÂÁÕà¨μ¹ÒÃÁ³ãËŒ¤ÇÒÁ¤ØŒÁ¤Ãͧ໚¹àÃ×èͧ
                 ÊÔ·¸Ô»ÃÐ⪹¢Í§ÃѰ¢Í§·Ò§ÃÒª¡ÒÃâ´Â੾ÒÐ ÁÔä´Œà¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§¡ÑºàÍ¡ª¹¤¹Ë¹Ö觤¹ã´àÅÂ

                 ‹ÍÁáÊ´§Ç‹Ò¤Ø³¸ÃÃÁ·Ò§¡®ËÁÒ¢ͧ¤ÇÒÁ¼Ô´¹Ñé¹ ¡®ËÁÒÂÁØ‹§¤ŒØÁ¤ÃͧÃѰ෋ҹÑé¹ ความผิดเชนนี้
                 แมหากจะทําใหเอกชนคนหนึ่งคนใดไดรับความเสียหายก็เปนความเสียหายทางพฤตินัย เอกชนคนนั้น

                 หาเปนผูเสียหายโดยทางนิตินัยไม เพราะคุณธรรมทางกฎหมายของความผิดนั้นมิไดมุงคุมครอง
                 เอกชนเลย แตมุงคุมครองรัฐเทานั้น เอกชนคนนั้นยอมมิใชผูเสียหายตามมาตรา ๒ (๔) (คําพิพากษา

                 ฎีกาที่ ๔๒๕๙/๒๕๓๑) (ธานิศ เกศวพิทักษ, ๒๕๕๘)
   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43