Page 37 - กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
P. 37
๓๐
๒) นอกจากจะตองมีฐานะเปนบุคคลแลว บุคคลนั้น ๆ ¨ÐμŒÍ§ä´ŒÃѺ¤ÇÒÁàÊÕÂËÒÂ
à¹×èͧ¨Ò¡¡ÒáÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´¢Í§¼ÙŒμŒÍ§ËÒËÃ×ÍจําàŹÑé¹´ŒÇÂ
การพิจารณาวาบุคคลนั้น ๆ จะเปนผูไดรับความเสียหายจากการกระทํา
ความผิดที่เกิดขึ้นหรือไมนั้นจะตองพิจารณาจาก
㹤ÇÒÁ¼Ô´·Õèä´Œ¡ÃÐทํา仹Ñé¹ ¤Ø³¸ÃÃÁ·Ò§¡®ËÁÒ¢ͧ°Ò¹¤ÇÒÁ¼Ô´¹Ñé¹
ÁØ‹§»ÃÐʧ¤·Õè¨Ð¤ØŒÁ¤Ãͧã¤Ã ¤ØŒÁ¤ÃͧμÑǺؤ¤ÅËÃ×ͤ،Á¤ÃͧÃѰ
(๑) ¡Ã³Õ·Õè¤Ø³¸ÃÃÁ·Ò§¡®ËÁÒÂÁØ‹§¤ØŒÁ¤Ãͧอํา¹Ò¨ÃѰ
เมื่อพิจารณาตามวัตถุประสงคในการออกกฎหมาย จะเห็นถึงความ
มุงหมายที่รัฐตองการคุมครอง เรื่อง ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹ÁÕáÅо¡ÍÒÇØ¸»„¹μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÔÍÒÇØ¸»„¹Ï
มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ นั้น กฎหมายมุงที่จะควบคุมการมีและการใชอาวุธปน เพื่อรักษา
ความสงบเรียบรอยของบานเมือง จึงเปนความผิดตอรัฐ และถือวารัฐเทานั้นเปนผูเสียหาย เอกชน
คนใดคนหนึ่งจึงไมอาจเปนผูเสียหายตอความผิดฐานนี้ได (คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๒๓๑/๒๕๓๓)
นอกจากความผิดตอพระราชบัญญัติอาวุธปนฯ ดังที่กลาวมาแลว
ยังมีคําพิพากษาศาลฎีกาที่วินิจฉัยถึงความผิดที่รัฐเทานั้นเปนผูเสียหาย ดังนี้
(๑) ¤ÇÒÁ¼Ô´μ‹Í¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÔ¨ÃҨ÷ҧº¡ พ.ศ.๒๕๒๒
(คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๔๙/๒๕๔๒, ๒๖๔๓/๒๕๕๐ และ ๗๓๙๕/๒๕๕๔)
(๒) ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹¢Ñ´¢×¹ËÁÒÂËÃ×ÍคําÊÑè§ÈÒÅใหมาใหถอยคําใหมา
เบิกความหรือใหสงทรัพยหรือเอกสารใดในการพิจารณาคดีตาม ป.อ. มาตรา ๑๗๐ (คําพิพากษาฎีกา
ที่ ๒๐๔๖/๒๕๓๓, ๒๗๖๘/๒๕๒๒ และ ๗๓๙๕/๒๖๕๔)
(๓) ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹ทําÅÒ´ǧμÃҢͧ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ตาม ป.อ.
มาตรา ๑๔๑ (คําพิพากษาฎีกาที่ ๕๖๓/๒๔๙๘)
(๔) ¤ÇÒÁ¼Ô´μ‹Í¾ÃÐÃÒªกํา˹´¡ÒáٌÂ×Áà§Ô¹·Õè໚¹¡ÒéŒÍâ¡§
»ÃЪҪ¹ พ.ศ.๒๕๒๗ (คําพิพากษาฎีกาที่ ๘๘๘๓/๒๕๕๐)
(๕) ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹¤ŒÒ·Õè´Ô¹â´ÂäÁ‹ä´ŒÃѺ͹ØÞÒμตามประมวลกฎหมาย
ที่ดิน (คําพิพากษาฎีกาที่ ๒๓๒/๒๕๑๒)
(๖) ¤ÇÒÁ¼Ô´μ‹Í¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÔÈØÅ¡Ò¡Ã พ.ศ.๒๔๖๙ และ
พระราชบัญญัติใหบําเหน็จในการปราบปรามผูกระทําความผิด พ.ศ.๒๔๘๙ (คําพิพากษาฎีกาที่
๓๗๙๗-๓๗๙๘/๒๕๔๐)
(๗) ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹àÃÕ¡ ÃѺ ËÃ×ÍÂÍÁ¨ÐÃѺ·ÃѾÂÊÔ¹à¾×èÍãËŒ
਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹¡ÃÐทํา¡ÒÃËÃ×ÍäÁ‹¡ÃÐทํา¡ÒÃã¹Ë¹ŒÒ·Õè อันเปนคุณหรือเปนโทษแกบุคคลใด ตาม ป.อ.
มาตรา ๑๔๓ (คําพิพากษาฎีกาที่ ๖๖๑/๒๕๕๔)
(๘) ¤ÇÒÁ¼Ô´°Ò¹à»š¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ทําãËŒàÊÕÂËÒ«Öè§·ÃѾÂËÃ×Í
àÍ¡ÊÒÃã´Íѹ໚¹Ë¹ŒÒ·Õè¢Í§μ¹·Õè¨Ð»¡¤ÃͧËÃ×ÍÃÑ¡ÉÒäÇŒตาม ป.อ. มาตรา ๑๕๘ (คําพิพากษาฎีกา
ที่ ๔๒๕๙/๒๕๓๑)