Page 32 - กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
P. 32

๒๕




                  ¢ŒÍÊѧà¡μ
                          บันทึกหรือถอยคําสํานวนนั้นใหเจาพนักงานหรือศาล͋ҹãËŒ¼ÙŒãËŒ¶ŒÍÂคํา¿˜§  ถามีขอความแกไขทักทวง
                  หรือเพิ่มเติม ใหแกไขใหถูกตองหรือมิฉะนั้นใหบันทึกไวและใหผูใหถอยคําŧÅÒÂÁ×ͪ×èÍÃѺÃͧNjҶ١μŒÍ§áÅŒÇ
                          ถาบุคคลที่ตองลงลายมือชื่อในบันทึกหรือถอยคําสํานวน ไมสามารถหรือไมยอมลงลายมือชื่อใหบันทึกหรือรายงาน
                  เหตุนั้นไว (มาตรา ๑๑) และบันทึกตองระบุสถานที่ วันเดือนปที่ทํา นามและตําแหนงของเจาพนักงานผูทํา (มาตรา ๙ วรรคแรก)
                          เมื่อเจาพนักงานทําบันทึกโดยรับคําสั่งจากศาลหรือโดยคําสั่งหรือคําขอของเจาพนักงานอื่น ใหเจาพนักงานนั้น
                  กลาวไวดวยวาไดรับคําสั่งหรือคําขอเชนนั้น และแสดงดวยวาไดทําไปอยางใด (มาตรา ๙ วรรคแรก)
                          ใหเจาพนักงานผูทําบันทึกลงลายมือชื่อของตนในบันทึกนั้น (มาตรา ๙ วรรคแรก)



                             (òñ) ¤Çº¤ØÁ หมายความถึง “การควบคุมหรือกักขังผูถูกจับ โดยพนักงานฝายปกครอง
                 หรือตํารวจในระหวางสืบสวนและสอบสวน”

                                   การควบคุมนั้นเปนกรณีที่กฎหมายใหอํานาจแกเจาหนาที่รัฐที่จะใชอํานาจในการ
                 หนวงเหนี่ยวผูที่ตองหาวาไดกระทําความผิดอาญา ซึ่งเปนการจํา¡Ñ´àÊÃÕÀҾ㹡ÒÃà¤Å×è͹·Õè¢Í§¼ÙŒ¶Ù¡¨Ñº

                 ËÃ×ͼٌμŒÍ§ËÒ â´ÂãËŒμ¡ÍÂً㹤ÇÒÁ¤Çº¤ØÁ¢Í§à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹·ÕèÁÕอํา¹Ò¨μÒÁ¡®ËÁÒ ËÃ×ÍãËŒÍÂÙ‹ã¹
                 ʶҹ·Õè·Õèกํา˹´ ã¹ÃÐËNjҧàÇÅÒ·Õè㪌¾ÔÊÙ¨¹¶Ö§¡ÒáÃÐทํา¢Í§¼ÙŒ¶Ù¡¨Ñº ËÃ×ͼٌμŒÍ§ËÒวาไดมีการกระทํา

                 ตามที่ถูกกลาวหานั้นหรือไม ซึ่งเปนการควบคุมดวยจุดประสงคที่จะใหไดตัวมาพิจารณาคดีความเทานั้น



                             (òò) ¢Ñ§ หมายความถึง “การกักขังจําเลยหรือผูตองหาโดยศาล”
                                   การขัง เปนการจํากัดสิทธิเสรีภาพของบุคคล การที่จะขังบุคคลใดบุคคลหนึ่งไดนั้น
                 จะตองมีกฎหมายใหอํานาจไว ซึ่งกรณีของการขังนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาฯ

                 ไดใหอํานาจ “ÈÒÅ” ที่จะขังผูตองหาหรือจําเลย ซึ่งกรณีที่ศาลจะขังไดมากนอยเพียงใดหรือจะขัง
                 ในกรณีใดบาง ตองเปนไปตามที่กฎหมายกําหนด ซึ่งจะมีอยู ๓ ระยะ คือ

                                   ๑.  ¡ÒâѧÃÐËNjҧ¡ÒÃÊͺÊǹ เปนกรณีที่พนักงานสอบสวนเห็นวาสถานภาพ
                 ของผูถูกจับหรือผูตองหายังไมดีพอที่จะไดรับการปลอยตัวชั่วคราวไปได แมจะมีการยื่นขอประกันหรือ

                 มีหลักประกันมาก็ตาม และเมื่อÃÐÂÐàÇÅҢͧ¡ÒäǺ¤ØÁμÑÇä´ŒÊÔé¹ÊشŧμÒÁ·Õè¡®ËÁÒ¡íÒ˹´äÇŒã¹
                 »ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸Õ¾Ô¨ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ ÁÒμÃÒ ø÷ áÅÐÁÕ¤ÇÒÁ¨íÒ໚¹μŒÍ§¤Çº¤ØÁ¼ÙŒμŒÍ§ËÒäÇŒ

                 μ‹Íä» à¾×èÍãËŒ¡ÒÃÊͺÊǹàÊÃç¨ÊÔé¹ËÃ×Íà¾×èÍ¡Òÿ‡Í§¤´Õ เชนนี้ พนักงานสอบสวนจะตองยื่นคํารอง
                 ตอศาล ขอใหศาลออกหมายขัง แตถาสํานวนการสอบสวนไดสงไปยังพนักงานอัยการแลวเปนหนาที่
                 ของพนักงานอัยการที่จะเปนผูรองขอใหศาลออกหมายขัง

                                   ๒.  ¡ÒâѧÃÐËNjҧ¡ÒÃäμ‹ÊǹÁÙÅ¿‡Í§ เปนการขังบุคคลที่ถูกฟองเปนจําเลยแลว
                 ซึ่งกรณีการขังระหวางไตสวนมูลฟอง จะเกิดเนื่องจากที่พนักงานอัยการเปนโจทกและศาลเห็นสมควรให

                 ทําการไตสวนมูลฟองกอน ซึ่งในระหวางที่ทําการไตสวนมูลฟองคดีที่อัยการเปนโจทกฟองนั้น พนักงาน
                 อัยการเห็นวามีความจําเปนที่จะตองขังจําเลยเชนนี้ ก็จะรองขอใหศาลออกหมายขัง ซึ่งในการปฏิบัติ

                 ไมคอยปรากฏ
   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37