Page 3 - กาพย์เห่เรือ
P. 3
กวีผู้ยิ่งใหญ่แห่งอยุธยา
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ทรงเป็นกวีเอกในสมัยอยุธยา บทพระนิพนธ์ของพระองค์มีมากมายหลากหลาย เช่น
กาพย์เห่เรือ กาพย์เห่เรื่องกากี กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก กาพย์ห่อโคลงนิราศธารทองแดง นันโทปนันทสูตรค้าหลวง ฯลฯ
ซึ่งผลงานมากมายที่ปรากฏแสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงเป็นอัจฉริยะทางด้านกวี และยังมีความเชี่ยวชาญทั งทางด้าน
ทัศนศิลป์ และโสตศิลป์หาใครเทียบได้
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ทรงพระนิพนธ์บทร้อยกรองไว้หลายเรื่อง ซึ่งบทที่ได้รับยกย่องว่าดีที่สุดคือ บทเห่เรือ
ซึ่งมีความดีเด่นด้านการคิดสร้างสรรค์รูปแบบแปลกใหม่ ทรงใช้กาพย์และโคลงคู่กันคล้ายกาพย์ห่อโคลง และทรง
เปลี่ยนแปลงวิธีแต่งใหม่โดยแบ่งเนื อเรื่องออกเป็นตอนๆ แต่ละตอนใช้โคลง ๑ บท แล้วแต่งกาพย์เลียนความขยาย
อีกจ้านวนหนึ่ง แล้วจึงเริ่มตอนต่อไปด้วยโคลง แล้วขยายความด้วยกาพย์ต่อไปอีก นอกจกานี บทเห่เรือของเจ้าฟ้ากุ้งยังใช้เห่
ในสมัยรัชกาลที่ ๔ และยังรวมถึงในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคในปัจจุบันอีกด้วย
เนื อหาของบทเห่เรือคือ การชมเรือพระที่นั่งและการเคลื่อนขบวนเรือตามล้าน ้าที่มีธรรมชาติสวยงาม โดย
น้ามาเปรียบเทียบกับความรัก และความทุกข์
ประเพณีการเห่เรือ
เรือพระราชพิธีและประเพณีเห่เรือ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมซึ่งบรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ไว้ให้แก่อนุชนรุ่นต่อมา
ประกอบด้วยศิลปะหลายประเภทเช่น ศิลปะนาวาสถาปัตยกรรมในการออกแบบรูปทรงล าเรือ อันบรรเจิดตระการตา
และได้ประโยชน์ใช้สอยอย่างสมบูรณ์
บทเพลงทั งร้อยแก้ว ร้อยกรอง อันไพเราะเพราะพริ ง ให้กลมกลืนเข้ากับชีวิตความเป็นอยู่ประจ้าวันได้อย่างเหมาะเจาะ
และลงตัวยิ่ง กล่าวคือไม่ว่าจะเป็นการเห่เรือกระบวนหลวงของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน การพายเรือเห่เรือของเจ้านายและขุนนาง
ในโอกาสที่จะเดินทางไปทอดกฐินตามวัดต่างๆ ในเวลากลางวัน และนัดกันไปทอดผ้าป่าในเวลากลางคืน
การเห่เรือจึงไม่เพียงท้าให้เกิดจังหวะการพายที่พร้อมเพรียงกัน แต่ยังเป็นการแสดงถึงความรื่นรมย์หรรษาอีกด้วย
๓