Page 4 - กาพย์เห่เรือ
P. 4
ประเภทของการเห่เรือ
แบ่งได้เป็น ๒ ประเภท คือ
๑. เห่เรือหลวง เป็นการเห่เนื่องในงานพระราชพิธีในการเสด็จพระราชด าเนินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
เช่น ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในคราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี
๒. เห่เรือเล่น เป็นการเห่เวลาเล่นหรือเที่ยวเตร่เพื่อความสนุกสนานรื่นเริง เป็นการใช้จังหวะฝีพาย การเห่เรือ
ในปัจจุบันน าเอาบทเห่เรือเล่น ที่เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรทรงพระนิพนธ์ไว้ ซึ่งใช้เห่เรือมาตั้งแต่รัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ล าน าการเห่เรือ
ล าน าการเห่เรือ มี ๓ อย่าง คือ
๑. สวะเห่ ใช้เห่เมื่อเรือเข้า เทียบท่าเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง
๒. ช้าลวะเห่ เป็นเห่ช้าใช้พลพายในท่านกบิน
๓. มูลเห่ เป็นเห่เร็ว ใช้เห่ต่อจากช้าสวะเห่ ใช้พายเมื่อเรือทวนกระแสน้ า การเห่โคลงน ากาพย์
เรียกว่า “เกริ่นโคลง”
ประวัติความเป็นมาการเห่เรือ
ต้นก าเนิดของการเห่เรือน่าจะมีที่มาได้เป็น ๒ ทาง ดังที่ปราชญ์โบราณได้กล่าวไว้ คือ
๑. เป็นกิจกรรมที่คนไทยคิดขึ้นเอง และน่าจะมีควบคู่มากับการใช้เรือยาวเป็นพาหนะ เมื่อต้องใช้ก าลังคน
จ านวนมากในการออกแรงพายเรือ จึงต้องมีจังหวะสัญญาณเพื่อให้ฝีพายพายไปพร้อมๆ กัน
จึงจะได้แรงส่งที่มากขึ้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด ารงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานไว้ในนิทาน
โบราณคดีเรื่องที่ ๖ (ของแปลกจากเมืองพาราณสี) ความว่า “แต่เห่เรือเป็นประเพณีของไทย มิใช่ได้มาจากอินเดีย
แต่มีมาเก่าแก่มากเหมือนกัน ข้อนี้พึงเห็นได้ในบทช้าละวะเห่ เป็นภาษาไทยเก่ามาก คงมีบทเห่อื่นที่เก่าปานนั้นอีก
แต่คนชั้นหลังมาชอบให้ใช้บทเห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร บทเก่าก็เลยสูญไป เหลือแต่ช้าละวะเห่”
๒. เป็นกิจกรรมที่ไทยได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย เนื่องจากมีค าศัพท์หลายค าในพิธีการเห่เรือที่เป็นค า
ภาษาอื่น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด ารงราชานุภาพทรงสันนิษฐานไว้ในอธิบายต านานเห่เรือ
๔