Page 25 - การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม
P. 25

การปฏิบัติลักษณะนี้อยูบนพื้นฐานความเปนจริงที่วา ถาปลอยใหมีการละเมิดกฎหมายโดยไมจัดการ ก็ตอง

            ละเมิดเพิ่มครั้งขึ้นเรื่อย ๆ (เพราะเห็นวาไมเปนไร) แมคนที่ไมเคยคิดวาจะละเมิดมากอนก็เกิดความรูสึก

            คลอยตาม พลอยทําการละเมิดบาง โดยมักคิดใหเหตุผลผิด ๆ แกตนเองวาการกระทําผิดอยางนั้นเปน
            ความทาทาย ยิ่งไปกวานั้นเมื่อทําการละเมิดเรื่องเล็ก ๆ แลวไมเปนไร ตอไปก็จะหันไปทําการละเมิดเรื่องใหญ ๆ

            ที่ใหผลเปนความเสียหายมากกวา

                        นอกจากนี้ ความเสียหายและความเสื่อมโทรมที่เกิดจากฝมือของนักทําลายที่ไรเหตุผล ยังมีสวน

            ทําใหความศักดิ์สิทธิ์ของกฎระเบียบ และกฎหมายในสังคมเสื่อมถอยลงอีกดวย เหตุผลสําคัญอีกประการหนึ่ง
            คือ เมื่อปลอยใหความเสียหายเพิ่มมากขึ้นกระทั่งมีสภาพเปนแหลงเสื่อมโทรม สุจริตชนคนดีก็มักหลีกเลี่ยง

            ที่จะเขาใกลหรือเกี่ยวของกับพื้นที่นั้น ๆ ในที่สุดพื้นที่ดังกลาวก็ถูกยึดครองโดยมิจฉาชีพหรือกลุมคนผูชอบทําตัว

            ถวงสังคม เหตุนี้ หลักปฏิบัติอีกประการหนึ่งของทฤษฎีจึงกําหนดการดําเนินการของตํารวจโดยการพยายาม

            เปดโอกาสใหประชาชนคนดีเขาครอบครองพื้นที่ใหไดมากที่สุด ทั้งนี้ เพื่อปองกันการยึดครองของคนทุจริต
            ไปในตัวดวย (แนวทางของทฤษฎีนี้คลายกับคําพังเพยที่วา “ตัดไฟเสียแตตนลม”)




                        ทฤษฎีเกี่ยวกับเหยื่อวิทยา (Victimology)

                        การศึกษาเกี่ยวกับเหยื่ออาชญากรรม โดย Lombroso, Garofaro, Ferri โดย Lombroso
            ไดตั้งขอสังเกตวา “การกระทําความผิดของอาชญากรนั้น เปนการแสดงออกของอาชญากรอยางหนึ่ง

            ซึ่งแสดงออกมาเพราะตกอยูภายใตการกดดันของเหยื่ออาชญากรที่ยั่วยุอารมณ” และ Garofaro ไดศึกษา

            เกี่ยวกับเหยื่ออาชญากรรมแลวกลาวไววา “ความประพฤติของผูเสียหายในบางกรณีเปนตนเหตุยั่วยุใหมี

            การประกอบอาชญากรรมขึ้น” แตอยางไรก็ตาม ยังไมไดรับการวิวัฒนาการเพราะตางมุงที่จะศึกษาหาสาเหตุ
            การกระทําความผิดของผูกระทําผิดจากดานของผูกระทําความผิดดานเดียว จนกระทั่งในราวป ค.ศ.1940

            - 1950 นักอาชญาวิทยาไดเริ่มมองเห็นวาผูเสียหายมีบทบาทสําคัญในการกอใหเกิดอาชญากรรม และไดมี

            นักอาชญาวิทยาที่มีชื่อเสียงในระยะตอมา เชน Hengi, Mendelssohn, Ellenberger, Scafer, Wolfgang

            ที่ไดพยายามศึกษาผูเสียหายเพื่อหาสาเหตุของอาชญากรรม เพื่อนําไปใชในการปองกันผูเสียหายและปรับปรุง
            การปองกันอาชญากรรมใหมีประสิทธิภาพ




                        ทฤษฎีตํารวจผูรับใชชุมชน (Community Policing Theory)

                        ตํารวจผูรับใชชุมชน หมายถึง “หลักการทํางานของตํารวจ ซึ่งสงเสริม สนับสนุน แกตนเหตุ
            เพื่อลดปญหาอาชญากรรม ปญหาความไมเปนระเบียบของชุมชน โดยเทคนิคการแกตนเหตุปญหา

            ดวยการรวมมือระหวางตํารวจและชุมชน”














            8       คูมือการบริหารงานปองกันและปราบปรามอาชญากรรม
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30