Page 18 - 7สุขศึกษา ทช11002.indd
P. 18
��
3.2.5 เมื่อเปนหวัดไมควรสั่งน้ํามูกแรงๆ เพราะเชื้อโรคอาจผานเขาไปในรูหู
เกิดอักเสบ ติดเชื้อกลายเปนหูน้ําหนวก และเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับหู ควรปรึกษาแพทย
3.3 การดูแลรักษาจมูก มีขอควรปฏิบัติดังนี้
จมูกเปนอวัยวะรับสัมผัสที่มีความสําคัญ ทําใหไดกลิ่น และหายใจเอาอากาศ
บริสุทธิ์เขาสูปอด ควรดูแลรักษาจมูกใหทําหนาที่ไดตามปกติดวยวิธีดังนี้
3.3.1 หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุนละอองฟุงกระจาย
3.3.2 ไมควรแคะจมูกดวยวัสดุแข็ง เพราะอาจทําใหจมูกอักเสบ
3.3.3 ไมควรสั่งน้ํามูกแรง ๆ ถาเปนหวัดเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย
3.3.4 ถามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับจมูก ควรปรึกษาแพทย
3.4 การดูแลรักษาชองปากและฟน มีขอควรปฏิบัติดังนี้
3.4.1 ดูแลความสะอาดและตรวจเหงือกและฟนดวยตนเองอยางสม่ําเสมอ
3.4.2 ควรแปรงฟนใหถูกวิธีหลังอาหารทุกมื้อ หรือควรแปรงฟนอยางนอย
วันละ 2 ครั้ง
3.4.3 ไมควรกัดหรือฉีกของแข็งดวยฟน และควรพบทันตแพทยเพื่อตรวจฟนทุก
6 เดือน
3.4.4 ออกกําลังเหงือกดวยการถู นวดเหงือก ตอนเชา และกลางคืนกอน
นอนโดยการอมเกลือหรือเกลือปนผสมสารสมปนประมาณ 5 นาที แลวนวดเหงือก
3.4.5 รับประทานผัก ผลไมสดมาก ๆ และหลีกเลี่ยงการรับประทาน
ลูกอมช็อคโกแลตและขนมหวาน ๆ
3.4.6 หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เชน การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล
3.4.7 ควรไปพบแพทยเพื่อตรวจสุขภาพชองปาก อยางนอยปละ 2 ครั้ง
3.5 การดูแลรักษาผิวหนัง มีขอควรปฏิบัติดังนี้
3.5.1 อาบน้ําอยางนอยวันละ 2 ครั้ง หลังจากอาบน้ําเสร็จ ควรเช็ดตัวใหแหง
3.5.2 สวมเสื้อผาที่สะอาด ไมเปยกชื้น และไมรัดรูปจนเกินไป
3.5.3 รับประทานอาหารที่มีประโยชนและดื่มน้ํามาก ๆ ออกกําลังกายอยาง
สม่ําเสมอ หลีกเลี่ยงแสงแดดจา และระมัดระวังในการใชเครื่องสําอาง
3.5.4 เมื่อผิวหนังผิดปกติควรปรึกษาแพทย
18 สุขศึกษา พลศึกษา ระดับประถมศึกษา : (ทช 11002)
ส�ำนักงำน กศน.จังหวัดกำฬสินธุ์