Page 17 - 7สุขศึกษา ทช11002.indd
P. 17
�
3.1.1 ไมควรใชสายตาจองหรือเพงสิ่งตาง ๆ มากเกินไป ควรพักสายตาโดย
การหลับตา หรือมองออกไปยังที่กวาง ๆ หรือพื้นที่สีเขียว
3.1.2 ขณะอานหรือเขียนหนังสือ ควรใหแสงสวางอยางเพียงพอ และควร
วางหนังสือใหหางจากตาประมาณ 1 ฟุต
3.1.3 ไมควรอานหนังสือขณะอยูบนยานพาหนะ เชน รถ หรือรถไฟที่กําลัง
แลน
3.1.4 ดูโทรทัศนใหหางจากจอภาพไมนอยกวา 3 เทา ของขนาดจอภาพ
3.1.5 เมื่อมีฝุนละอองเขาตา ไมควรขยี้ตาควรใชวิธีลืมตาในน้ําสะอาด หรือ
ลางดวยน้ํายาลางตา
3.1.6 ไมควรใชผาเช็ดหนารวมกับผูอื่น เพราะอาจติดโรคตาแดงจากผูอื่นได
3.1.7 หลีกเลี่ยงการมองบริเวณที่แสงจา หรือหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุนละออง
ฟุงกระจาย
3.1.8 อยาใชยาลางตาเมื่อไมมีความจําเปน เพราะตามธรรมชาติน้ําใน
เปลือกตา ทําหนาที่ลางตาดีที่สุด
3.1.9 บริหารเปลือกตาบน และเปลือกตาลางทุกวัน ดวยการใชนิ้วชี้รูดกดไป
บนเปลือกตาจากคิ้ว ไปทางหางตา
3.2 การดูแลรักษาหู มีขอควรปฏิบัติดังนี้
หูมีความสําคัญตอการไดยิน ถาหูผิดปกติจนไมสามารถไดยินเสียงตางๆ การ
ทํากิจกรรมในชีวิตประจําวัน ก็ไมราบรื่น เกิดอุปสรรค ดังนั้นจึงควรดูแลรักษาหู ใหทําหนาที่ให
ดีอยูเสมอ
3.2.1 หลีกเลี่ยงแหลงที่มีเสียงดังอึกทึก ถาหลีกเลี่ยงไมไดควรปองกันตนเอง
โดยหาอุปกรณมาอุดหู หรือครอบหู เพื่อปองกันไมใหแกวหูฉีกขาด
3.2.2 ไมควรแคะหูดวยวัสดุใด ๆ เพราะอาจทําใหหูอักเสบเกิดการติดเชื้อ
3.2.3 เมื่อมีแมลงเขาหู ใหใชน้ํามันมะกอก หรือน้ํามันพาราฟลหยอดหู
ทิ้งไวสักครูแมลงจะตาย แลวจึงเอียงหูใหแมลงไหลออกมา
3.2.4 ขณะวายน้ํา หรืออาบน้ํา พยายามอยาใหน้ําเขาหู ถามีน้ําเขาหูให
เอียงหูใหน้ําออกมาเอง
สุขศึกษา พลศึกษา ระดับประถมศึกษา : (ทช 11002) 17
ส�ำนักงำน กศน.จังหวัดกำฬสินธุ์