Page 49 - นิตยสารธัมมวิโมกข์ ปฐมฤกษ์
P. 49

ทีนี้พอบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา ฟังเสียงเพลงมันก็ติดใจ แต่ฟัง

                                                                  ื
                มาฟังไป มาเทียบเคียงกับชีวิต ว่าไอ้เพลงท่เขาเคาะมาเบ้องต้น แล้วก็เคาะกัน
                                                      ี
                                                                                 ี
                ต่อไป มันก็เหมือนกับการเกิดของเรา ชีวิตเดินไต่เต้ามาตามล�าดับ ในท่สุด

                เพลงเขาบรรเลงจบ ชีวิตเราก็จบเหมือนกับเสียงเพลงนี การฟังเพลงไทยจึง
                                                                  ้
                เป็นปัจจัยให้เกิดฌานสมาบัต นี่เคยหากินกับเสียงเพลงมาแล้ว โดยเฉพาะ
                                           ิ
                อย่างยิ่ง เพลงประโคมศพนี่ชอบฟังมาก เดี๋ยวนี้ก็ยังชอบฟัง เมื่อฟังเสียง

                                                              ้
                                                                                  ื
                เพลงประโคมศพทีไร ก็คิดว่าเราตายไปแล้วเวลานี ปี่พากย์วงใหญ่ เคร่อง
                                                ู
                                                  ึ
                มอญก�าลังประโคมศพเรา ใจมันก็ร้สกสบาย คิดว่าเวลานีเราตายจากโลกนี     ้
                                                                     ้
                               ึ
                ไปแล้ว ปี่พากย์จงประโคมศพเรา นึกถึงภาพเวลาตาย แล้วก็นึกถึงเสียงเพลง
                ท่บรรเลง มันโหยหวนยวนใจ แสดงสัญลักษณ์ของความตาย
                 ี

                                ่
                       แล้วก็มานังนึกดูว่า ถ้าเราเกิดมาฟังเสียงเพลงแบบนี้ต่อไป มันจะเกิด
                ประโยชน์อะไรบ้าง มันหาประโยชน์อะไรไม่ได้ มันมีแต่ความทุกข์อย่างเดียว

                ไม่มีอะไรเป็นปัจจัยแห่งความสุข ในเมื่อมันไม่สุข มันเต็มไปด้วยความทุกข์

                เราก็หาทางเลิกเกิดมันเสีย เพลงท่เบาบรรเลงแล้ว เขาเลิกบรรเลงไปฉันใด
                                               ี
                แล้วผู้บรรเลงไม่กลับมาบรรเลงใหม่ คือตายไปจากโลกนี หรือว่าเคร่อง
                                                                       ้
                                                                                  ื
                ดนตรีส�าหรับบรรเลงมันพังไป เราก็ต้งใจให้มีสภาพแบบนั้น เกิดมาแล้วมัน
                                                  ั
                                                                   ่
                                                                            ี
                                                                   ื
                     ุ
                เป็นทกข์ เสียงเพลงหายไป เสียงเพลงก็มีความสุข เครองดนตรีท่สลายตัว
                           ื
                ไปแล้ว เคร่องดนตรีนั้นมันก็มีความสุข เพราะไม่ถูกใครเขาเขกเขาสับเสีย
                    ี
                คนท่บรรเลงเพลงดนตรีต่างๆ เสียงเพลงต่างๆ เขาตายไปแล้ว ก็ไม่มีใครใช้
                ให้บรรเลงอีก หมดจากความเหนื่อย การบรรเลงเพลงให้คนฟัง ย่อมเป็นท      ่ ี




                                                 45
   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54