Page 43 - STI annual report 2022 ver.thai
P. 43
1. ผู้ว่าจ้างภาคเอกชน ● การจ�าหน่ายและช่องทางการจัดจ�าหน่าย
ี
�
โดยผู้ว่าจ้างภาคเอกชนจะพิจารณาคัดเลือกผู้รับงานใน ช่องทางท่กลุ่มบริษัทเน้นในการนาเสนองานลูกค้า
2 รูปแบบ คือ สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ช่องทางหลัก ดังนี้
ี
ี
ึ
1.1 คัดเลือกด้วยการเสนอราคาตามท่ลูกค้าเชิญชวน 1. การข้นทะเบียนท่ปรึกษากับศูนย์ข้อมูลท่ปรึกษา
ี
โดยลูกค้าเลือกผู้เสนองานท่เสนอราคาและ/หรือเง่อนไขการรับงาน ส�านักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง
ี
ื
ี
ี
ท่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อผู้ว่าจ้างมากท่สุด ร่วมกับพิจารณา 2. การเข้าร่วมการประกวดราคาและยื่นข้อเสนอเพื่อรับ
ี
ื
คุณสมบัติ ประสบการณ์ความเช่ยวชาญและความพร้อมอ่นๆ ของ งานของโครงการก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชน
ผู้รับงานประกอบกัน 3. การแนะนาจากกลุ่มบริษัทท่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ
ี
�
1.2 แจ้งความประสงค์ในการว่าจ้างกลุ่มบริษัท (Strategic Partners) ทั้งภาครัฐและเอกชน
ึ
โดยเฉพาะเจาะจงรายเดียว ซ่งการว่าจ้างในรูปแบบดังกล่าว 4. การเข้าร่วมเป็นวิทยากรในการฝึกอบรมทักษะความร ู้
ี
มักเป็นกลุ่มผู้ว่าจ้างท่มีความสัมพันธ์อันดีและมีการว่าจ้างกลุ่มบริษัท ในการบริหารโครงการก่อสร้างและงานออกแบบด้านสถาปัตยกรรม
ื
ื
ี
อย่างต่อเน่อง หรือกลุ่มลูกค้าท่เช่อถือและเห็นในผลงานของกลุ่มบริษัท และวิศวกรรมต่างๆ แก่สถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ
โดยกลุ่มบริษัท มีสัดส่วนรายได้จากการให้บริการจากกล่มผู้ว่าจ้าง บริษัทเอกชน และองค์กรท่เก่ยวข้องกับแวดวงวิศวกรรม เพ่อสร้าง
ุ
ี
ี
ื
ภาคเอกชนในปี 2564 และปี 2565 คิดเป็นร้อยละ 30.45 และ การประชาสัมพันธ์กลุ่มบริษัท
ี
ึ
ร้อยละ 31.90 ของรายได้จากการให้บริการ ซ่งไม่รวมรายได้ท่นอก ท้งน้ ผู้บริหารของกลุ่มบริษัทพร้อมด้วยบุคลากรท่เก่ยวข้อง
ี
ั
ี
ี
เหนือจากค่าบริการปกติในแต่ละงวด ตามล�าดับ
เป็นผมหน้าทรบผดชอบในการติดตามข่าวสาร ขอมลความเคล่อนไหว
ู
้
ิ
ั
ี
่
ี
ู้
ื
2. ผู้ว่าจ้างภาครัฐ และ/หรือแผนงานการลงทุนโครงการก่อสร้างใหม่ๆ ท่จะเกิดข้น
ึ
ี
ผู้ว่าจ้างภาครัฐจะพิจารณาคัดเลือกผู้รับงานผ่านการ ซ่งมีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะผ่านส่อต่างๆ หรือ
ื
ึ
ี
ประกวดราคาเป็นส่วนใหญ่ โดยเลือกผู้เสนองานท่มีคุณสมบัต ิ ช่องทางการเผยแพร่ข่าวของแต่ละองค์กร เพื่อเตรียมการในด้าน
ครบถ้วนตามเกณฑ์ท่กาหนดและเสนอราคาท่ดีท่สุด นอกจากน ้ ี ต่างๆ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสการได้รับงานจากโครงการก่อสร้าง
ี
ี
�
ี
ในปี 2564 และปี 2565 กลุ่ม STI มีสัดส่วนรายได้จากผู้ว่าจ้างภาค
● ภาวการณ์ตลาดและการแข่งขัน
รัฐคิดเป็นร้อยละ 69.55 และร้อยละ 68.10 ของรายได้จากการให้ อ้างอิงจากบทวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จากัด (มหาชน)
�
ึ
ิ
ี
บริการซ่งไม่รวมรายได้ท่นอกเหนือจากค่าบริการปกตในแต่ละงวด ระบุว่า ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างปี 2565 มีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยง
ตามล�าดับ โดยรายได้จากผู้ว่าจ้างภาครัฐ ในปี 2565 มีสัดส่วนที่ จากต้นทุนท่ปรับสูงข้นมากท้งด้านค่าขนส่งและราคาวัสดุก่อสร้าง
ึ
ั
ี
ใกล้เคียงเดิมเมื่อเปรียบเทียบกับงวดปี 2564 ซึ่งส่วนใหญ่มาจาก จากสงครามรัสเซีย - ยูเครนท่ผลักดันให้ราคานามันและวัสด ุ
ี
�
้
โครงการของ AEC ที่ได้รับว่าจ้างเป็นวิศวกรที่ปรึกษาในโครงการ ก่อสร้างท่สาคัญโดยเฉพาะเหล็กและปูนซีเมนต์ปรับเพ่มข้น
ิ
ึ
ี
�
ของภาครัฐบาลหลายโครงการ
สาหรับปี 2566 - 2567 ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตตามมูลค่าการลงทุน
�
นอกจากน้ กลุ่มบริษัทมีการบริหารความสัมพันธ์กับกลุ่ม ก่อสร้างโดยรวมที่คาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ย 4.5 - 5.5% ต่อปี
ี
ผู้ว่าจ้างรายเดิมทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดี ปัจจัยขับเคล่อนหลักมาจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่
ื
ิ
ื
ช่วยเพ่มโอกาสการได้รับงานอย่างต่อเน่อง และด้วยผลงานเฉพาะ ของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการท่เก่ยวเน่องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจ
ื
ี
ี
ี
ด้านท่กลุ่มบริษัทมีความเช่ยวชาญเป็นพิเศษ เช่น งานกลุ่ม พิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridors : EEC)
ี
โรงพยาบาล, โรงงาน ส่งผลให้ในรอบปี 2565 กลุ่มบริษัทได้รับ ท่มีแนวโน้มจะเร่งตัวเพ่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนปฏิบัติการ
ื
ี
งานบริการจากลูกค้าหลายประเภทและหลายโครงการ (สามารถดู โครงสร้างพนฐานด้านคมนาคมขนส่งในพ้นท่ EEC ระยะท 2
ี
ื
ื
่
้
ี
รายละเอียดจากเว็บไซต์ของบริษัท www.sti.co.th) ซึ่งเป็นโอกาส (ปี 2565 - 2569) ขณะท่การลงทุนก่อสร้างภาคเอกชนท้งโครงการ
ั
ี
ของกลุ่มบริษัทที่จะได้รับงานประเภทดังกล่าวเพิ่มขึ้น
ที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ มีแนวโน้มทยอย
�
ี
ื
ฟื้นตัวตามกาลังซ้อท่น่าจะปรับตัวดีข้นตามภาวะเศรษฐกิจและ
ึ
บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำ�กัด (มห�ชน) 41