Page 23 - คำให้การชาวกรุงสยามใหม่
P. 23
กรุงเทพฯ จึงได้มีโอกาสเปรียบเทียบระหว่างเมืองกับชนบท ได้เห็นว่ามัน
ต่างกันตรงไหนบ้าง ได้เห็นความเหลื่อมล�้าระหว่างเมืองกับชนบท
การมาเรียนกรุงเทพฯ ให้ประโยชน์ผมหลายอย่าง เพราะได้รู้จัก
ู
ั
ั
ุ
กบผ้ใหญ่หลายท่าน อาจารย์สลกษณ์ ศวรกษ์ อาจารย์ประเวศ วะส ี
ิ
ั
ท่านอาจารย์พุทธทาส ท่านเจ้าคุณประยุทธ์ และได้รู้จักกับเพื่อนๆ ที่สนใจ
ปัญหาสังคม เช่น โกมล หมอวิชัย โชควิวัฒน อุทัย ดุลยเกษม รังสรรค์
ธนะพรพันธุ์ ไพฑูรย์ สินลารัตน์ สันติสุข โสภณสิริ รสนา โตสิตระกูล และ
อีกหลายท่าน ซึ่งถ้าเอ่ยชื่อหมดก็คงจะยาวมาก
�
จริงๆ ถ้ามองย้อนกลับไป โครงสร้างอานาจในสังคมไทยไม่ได้
�
ี
ื
เปล่ยนแปลงไปมากนัก ถามว่าใครเป็นคนกาหนดการเคล่อนของสังคม
ใครเป็นคนน�าพาว่าสังคมจะเดินไปทางไหน ก็ไม่ต่างจากเดิม วนเวียนกัน
�
ึ
อยู่ในกลุ่มเดิมๆ คือกลุ่มชนช้นนา ซ่งก็คือข้าราชการขุนนางท่นาโดยทหาร
ั
�
ี
จะมีกลุ่มทุนทักษิณมาแทรกสักช่วงระยะหนึ่ง แต่โครงสร้างอ�านาจก็ไม่ได้
เปลี่ยนไป คุณทักษิณไม่ได้ท�าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง
ั
็
ั
์
ั
ื
ิ
็
ี
่
่
สงทเปลยนไปจากวยเดกของผมคอ “โลกาภวตน” เปนพลวตจาก
ิ
ี
่
ภายนอก แต่เดิมมันก็มีอยู่ ท่มีผลกระทบกับสังคมไทยมากท่สุดก็สมัย
ี
ี
รัชกาลที่ ๔ และที่ ๕ แต่ตอนนี้มันเร็วมาก เพราะอ�านาจฝรั่งล่าเมืองขึ้น
�
จากภายนอกเข้ามาบวกกับอานาจทุนภายใน และต่อมาเกิดกลุ่มอานาจ
�
�
่
ุ
ใหม่เข้ามากมอานาจการเมองแบบเบดเสรจ เลยทาให้การเปลยนแปลง
�
็
ื
็
ี
ยุคโลกาภิวัตน์นี้เร็วมาก และลึกซึ้ง
ิ
ี
ส่งท่ลดทอนพลังทางสังคมลงก็คือ แต่เดิมชนบทยังไม่ถูกกระทา
�
�
มาก คือโดนกระทา แต่ไม่รุนแรงมาก ไม่รุนแรงถึงข้นแย่งชิงทรัพยากร
ั
ื
ไม่แย่งชิงวัฒนธรรมเพ่อเอาไปค้าขายกับตลาดโลก กระบวนทัศน์ของรัฐ
ยุคเก่าไม่ได้ล้วงลึกมากขนาดนี้
คำ�ให้ก�รช�วกรุงสย�มใหม่ l 23