Page 221 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 221

่
                                                                                                      ้
                       เถิงปีเมิองสัน จุลศักราชได้ ๙๒๙ นับพุทธศาสนาลวงได้ ๒๑๑๐ ปีข้าว พระญาไชยเชษธิราชา เจาฟ้า
               จ้องขาวเจ้าช้าง  ยกพลเศิกเบิกเสนาเข้าตีเวียงสองแฅวพระพิศณุโลก พระญาสองแฅวเกนฅนเข้าแต่งเวียงแลส ู้
               เศิก เกนเอาชาวลับแลงไจยได้ ๔๐๐ ฅน เสิกนั้น พระญาแสนผาบตายวำหน้า ชาวเวียงไจยลุ่มฟ้าน้ำตานอง

               หมองขี เถ้าแปงตาควาย หมายใจยอขันน้ำป้าวอันบัวริสุทเข้าตาน ถวายยังองค์ฅำ พระเจ้ายอดฅำติ๊บก็เป็นด ี

               สะดุ้งหรทัยอกสั่นขวัญไกว  เหตุว่าพระเจ้าองค์ฅำนั้นร่ำไห้น้ำตาไหลอาบหน้าตกขึ้นเดิกมา เถ้าแปงตาควายก็
               สุบินฝันว่ามีเตวดาตนรักษาพระเจ้าองค์ฅำชื่อว่า “มังคละมานพ” ได้มาจ๋าบอกปู่เถ้าว่าสืบไปปายหน้าจักเกิด

                                                                                                        ้
               เหตุอันวิบากหมองบ้า ด้วยว่าฝูงคนบ่ตั้งในธัมม์ จุ่งจักระวังเฝ้ารักษาพระเจ้าองค์ฅำนี้เต๊อะ เตวดาตนงามจ๋าแลว
                                                                                                        ั
                                             ๋
               ก็หายไป  ปู่เถ้าก็ตื่นลุกแลนำความจาบอกไขแก่หาญ แก่ช้างตนกุมเวียง หาญแก่ช้างจึ่งได้สั่งชาวเวียงข้าวัดลบ
               แลงหลวงทั้งหลายเผาตำสะตาย  น้ำอ้อยปั้นปอกล้อมพระเจ้าองค์ฅำก็มีในวันนั้น ชะแล


                       เถิงปีกัดเส็ด จุลศักราชได้ ๙๓๑ ตัว นับพุทธศาสนาได้ ๒๑๑๒ ปีข้าว พระญาม่านขึ้นนั่งเวียงไธยสรี
               โยธิยา กันปะนาแลยกพระญาสองแฅวขึ้นนั่งเวียงไธยสรีโยธิยา แลมีใบบอกจุ่งแต่งจัดดาต้นหมากเงินหมากฅำ

               แลช้างงางอนขอนไม้ ส่งไปยอขันถวายเจ้าแก่ช้างริหาเงินฅำไคว่ครบได้ ๗ วัน ส่งไปลูน ต้องจำขื่อไคว่ครบ ๓

               เดือน ส่งปิ๊กคืนเวียงอยู่ได้ ๓ วัน ตายละเสี้ยง นับต่อได้อีก ๕ ปีข้าว


                       ปีกาบเหม้า จุลศักราชได้ ๙๓๖ ตัว พระนเรศเจ้าฟ้าเจ้าพญาสองแฅวเกนเทชาวลับแลงไจยนับได  ้

                                                                                                      ้
                                                                                         ั
               ๕๐๐ ฅน ช่วยม่านเข้าตีต่อลาวลานชาง ครั้งนั้นเจ้าหมื่นฅำกองเจ้ากุมเวียงลบแลงไจยกุมจบพระญาลาวได แต ่
                                              ้
                                                                             ั
                                          ้
               หลุดหนี เจ้าหมื่นฅำกองต้องจำเฆี่ยน ๓๐ แส้

                       รอดเถิงปีกาบเหม้า ๙๔๖ ตัว นับพุทธศาสนาได้ ๒๑๒๗ ปีข้าว พระญาเจ้าฟ้านเรศแก้เวียงฅืน  ต่อต ี
               หมู่ม่านคืนเวียง แลแต่งเวียงพลเศิกพระญาเจ้าฟ้านเรศส่งใบบอกขอเกนชาวพลเศิกเข้าแต่งสู้เว้นแต่ สวรรคโลก

               แลพิไชย ฝ่ายพระญาพิไชยจึ่งดำริตริพลเศิก แลตีเทครัวชาวเวียงพิไชย แลลับแลงไจยเข้านอน  เวียงสวรรคโลก

                                                                                                  ้
               หมายสู้เสิกเจ้าฟ้าพระนเรศ ครั้งนั้นหมื่นฅำกองบ่ใคร่ยอมจึ่งออกอุบายกลเสิกว่า ชาวลับแลงไจยมีไข้ตองกุมห่า
                                                        ี้
                                                                                           ั่
               ระบาดกวาดเวียง แลสั่งชาวเวียงละบ้านหนีเวียงลยังง่าดอยม่อนสูง  พระญาพิไชยมาหันก็สงเผาอารามพิหาร
               ใหญ่น้อยเพื่อจักม้างภัย แลกวาดเทครัวชาวโยนม่อนไท้ตามเขตนอกเวียงไปได้ ๑๐๐ ครัว ขึ้นแต่งเวียง

                                                                                                  ั
               สวรรคโลก สองพญาบ้าเมาบ่ตั้งในธัมม์กำพระเจ้า ด้วยหลงมัวเมาในอบาย ออกใจ้ว่าเข้ารีตม่านแล้วจกอยู่ดกิน
                                                                                                       ี
               หวาน แลตัดปุดฅอฝูงชาวเจียรจาฆ่าเสีย เจ้าฟ้าพระนเรศรสั่งยกกินเวียง แลกุมเอาสองเถ้าพญานั้นฆ่าเสีย พ้อย
                                                                                                      ้
               หลังสองพญาวำหน้า เจ้าหมื่นฅำกองก็สั่งพลจาวฝูงทั้งหลายลงดอยเข้าแต่งเวียง  แลเร่งส่งต้นหมากฅำขึนยอ
               ถวายเจ้าฟ้า ก็มีนั้นแล







                                             การวิเคราะห์วรรณกรรมเมืองลับแล
                                                        หน้า ๗๑
   216   217   218   219   220   221   222   223   224   225   226