Page 257 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 257
เนื้อความที่ ๒๙
ี
เถิงปีกัดเส็ด จุลศักราชได้ ๙๓๑ ตัว นับพุทธศาสนาได้ ๒๑๑๒ ปีข้าว พระญาม่านขึ้นนั่งเวยงไธยสรโยธิ
ี
ยา กันปะนาแลยกพระญาสองแฅวขึ้นนั่งเวียงไธยสรีโยธิยา แลมีใบบอกจุ่งแต่งจัดดาต้นหมากเงน
ิ
หมากฅำ แลช้างงางอนขอนไม้ ส่งไปยอขันถวายเจ้าแกช้าง ริหาเงินฅำไควครบได้ ๗ วัน ส่งไปลูน ตอง
้
่
่
จำขื่อไคว่ครบ ๓ เดือน ส่งปิ๊กคืนเวียงอยู่ได้ ๓ วัน ตายละเสี้ยง
เป็นการกล่าวถึงการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๑ เมื่อ พ.ศ. ๒๑๑๒ ดังในพระราชพงศาวดารกรุงเก่า
ฉบับหลวงประเสริฐฯ ว่า “ครั้นถึงศักราช ๙๓๑ มะเส็งศก ณ วันอาทิตย์ แรม ๑๑ ค่ำ เดือนเก้า เพลารุ่งแล้ว
ประมาณ ๓ นาฬิกา ก็เสียกรุงพระนครศรีอยุธยาแก่พระเจ้าหงสา” ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.
๒๑๑๒ “ครั้นถึงวันศุกร์ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือนสิบสอง ทำการปราบดาภิเษกสมเดจพระมหาธรรมราชาธิราชเจาเสวย
็
้
ราชสมบัติกรุงพระนครศรีอยุธยา” ซึ่งเมื่อยึดกรุงศรีอโยธาได้แล้ว พระเจ้าบุเรงนองจึงโปรดให้ปราบดาภิเษก
สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ในวันศุกร์ที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๑๑๒ แต่ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ไดบอก
้
52
53
ว่า “สก ได้ ๙๓๐ ตัว ปลีเปิกสี เจ้าฟ้ามังทราไพเอาเมืองอยุทธิยาได้ปลีนั้น” คือ เจ้าฟ้ามังทรา หมายถึง พระ
เจ้าบุเรงนอง ได้กรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. ๒๑๑๑ ซึ่งก่อนพระราชพงศาวดารกรุงเก่าฯ ๑ ปี แต่ปี พ.ศ. ๒๑๑๑
54
(ปีมะโรง) เป็นปีที่พระเจ้าบุเรงนองได้ยกทัพมา
ซึ่งตำนานพระเจ้ายอดคำทิพย์ได้บอกว่า จะต้องมีการส่งเครื่องราชบรรณาการไม่ว่าจะเป็นต้นหมาก
ช้าง เงิน ทอง แต่ไม่มีการบอกไว้ในหลักฐานทางประวัติศาสตร์อื่น ๆ เลย
เนื้อความที่ ๓๐
นับต่อได้อีก ๕ ปีข้าว ปีกาบเหม้า จุลศักราชได้ ๙๓๖ ตัว พระนเรศเจ้าฟ้าเจ้าพญาสองแฅวเกนเทชาว
ลับแลงไจยนับได้ ๕๐๐ ฅน ช่วยม่านเข้าตีต่อลาวล้านช้าง ครั้งนั้นเจ้าหมื่นฅำกองเจ้ากุมเวียงลับแลงไจย
กุมจับพระญาลาวได้ แต่หลุดหนี เจ้าหมื่นฅำกองต้องจำเฆี่ยน ๓๐ แส้
การที่ตำนานพระเจ้ายอดคำทิพย์ออกพระนามสมเด็จพระนเรศวรว่า “พระญาเจ้าฟ้านเรศ (เนรศ)”
นั้น มีความสอดคลองกับพระนามที่ปรากฏใน พระไอยการกระบดศึก ว่า “สมเดจ์บรมบาทบงกชลกษณอัคบุริ
้
ั
52 ตรงใจ หุตางกูร, ๒๕๖๑, หน้า ๑๓๑ - ๑๓๒.
53 ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับ เชียงใหม่ ๗๐๐ ปี, ๒๕๓๙, หน้า ๙๖.
54 ตรงใจ หุตางกูร, ๒๕๖๑, หน้า ๑๒๗.
การวิเคราะห์วรรณกรรมเมืองลับแล
หน้า ๑๐๗