Page 296 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 296
(๒) ตอนที่กษัตริย์เชียงใหม่เสด็จขึ้นสู่พระราชมนเทียรใหม่ บริเวณสรีภูมิ (แจ่งศรีภูมิ – ป้อมเมือง
เชียงใหม่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) ดังว่า “...จักกะทำอภิเษกมหาราชหื้อปราบสกลชุมพูทีปทังมวล”
(๓) และกล่าวต่อไปว่า เมื่อ พ.ศ. ๒๐๐๙ (ปีจอ) ว่า “...ในปลีรวายเส็ด สกราชได้ ๘๒๘ ตัว เดือน
วิสาขาเพง เถรพุกามมังหลุงหลว้างกับสิงเมืองขุนบ้านนายเมืองทั้งหลาย พร้อมกันอภิเษกเจ้าพระญาติโลก
ราชะหื้อมีเตชานุภาวะจักหื้อปราบทีปเปนดั่งพระญาอโสกธัมมิกราชะ หั้นแล”
้
จากที่มังหลุงหลว้าง (ชีม่าน) อุปมาพระองค์เป็นผู้มีเดชานุภาพเหมือนพระเจ้าอโสก หรือ พระเจา
อโศกมหาราช ที่ปรากฏในศิลาจารึก พย. ๔๕ อักษรฝักขาม พ.ศ. ๒๐๒๑ วัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา ที่ระบุว่า
“ทั้งสมเด็จพระราชาอโสกราชผู้เป็นเจ้า” และในตำนานมหาธาตุจอมยอง ว่า “พระญาอโศกธรรมราชะ”
และ “พระญาธัมมอโสกราชะ” หรือที่ตำนวนมูลศาสนาสำนวนล้านนาเรียกเพียงสมัญญานามว่า “ปวรจักก
วัตตธัมมราชะ” นั้น
การเปรียบพระองค์เป็นดั่ง “พระเจ้าอโศกมหาราช” นั้น นอกจากจะขยายพระราชอาณาจักรได ้
กว้างขวาง เป็นดั่ง “เจ้าท้าวล้านนา” แล้ว ยังสนับสนุนพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองในพระราชอาณาจักร
เช่นเดียวกัน อีกทั้งพระราชประวัติของทั้งสองพระองค์ก็ต่างชิงราชสมบัติจากพระราชบิดาเหมือนกันอีกด้วย
ส่วนคำว่า “พระเจ้าติลก” / “พระเจ้าสิริธรรมจักรพรรดิติลกราชาธิราช” / “พระเจ้าสิริธรรม
จักรพรรดิติลก” ที่ระบุใน ชินกาลมาลินี (ชินกาลมาลีปกรณ์) นั้น หากจะอ่านตามอักขระแบบบาลี จะต้องอ่าน
ิ
ว่า “ต-ละ-กะ” แปลว่า จุดที่เจิมที่หน้าผาก ซึ่งใน เชื้อเครือเจ้าแสนหวีสิบสองพันนา ก็ใช้ “ติลกา” อ่านว่า
“ต-ละ-กา” แบบเดียวกัน แต่กษัตริย์เชียงใหม่พระองค์นี้มีพระนามเดิมว่า “ลก” ซึ่งใช้ สระโอะลดรูปกับ
ิ
“ล” โดยมี “ก” เป็นตัวสะกด และคำว่า “ลก” ใช้เรียกลูกชายคนที่หกในครอบครัว ส่วนคำว่า “โลก” เป็น
การแผลงคำ “ลก” ให้ออกเสียงยาวเป็น “โลก” นั่นเอง
ี่
แต่การที่เรียกเป็น โลก นั้น ก็นับว่าเกิดจากภูมิรู้อันงดงามของปราชญ์ในสมัยนั้นทจะแผลงคำให้เห็น
ร่องรอยเดิม และความอลังการของความหมายใหม่ โดยเฉพาะการเพิ่มคำว่า ติ เป็น ติโลก ที่แผลงความหมาย
กับคำว่า ตรีโลก หมายถึง สามโลก อันหมายถึงภูมิทั้งสามทางพระพุทธศาสนา คือ กามภูมิ รูปภูมิ และอรูป
ภูมิ การที่ทรงมีพระนามว่า ติโลกราชะ /ติโลกราช ก็หมายถึง พระองค์คือพระราชาแห่งสามโลก หรือ พระ
เป็นเจ้าแห่งสามโลก
่
จากมโนทัศน์การเฉลิมพระนามของ ‘เจ้าพระญาติโลกราช แห่งเชียงใหม’ เป็น ‘พระเจ้าอโศก
ิ
มหาราช แห่งอินเดีย’ ยังสะท้อนการมีฐานะเป็นดั่ง “พระญามหาจักรพรรดราช” ที่ปราบได้ดนแดนทั้ง ๔
ิ
ทวีป คือ บุรพวิเทหะทวีป(=ทิศตะวันออก) ชมพูทวีป(=ทิศใต้) อมรโคยานทวีป(=ทิศตะวันตก) และอุตรกุร ุ
ทวีป(=ทิศเหนือ) ทรงครอบครอง (๑) จักรรัตนะ(=อาวุธแก้ว) (๒) หัตถีรัตนะ (=ช้างแก้ว) (๓) อัศวรัตนะ(=ม้า
แก้ว) (๔) มณีรัตนะ(=อัญมณีแก้ว) (๕) อิตถีรัตนะ(=นางแก้ว) (๖) คหปติรัตนะ(=ขุนคลังแก้ว) (๗) ปร ิ
มหาสรีธัมมติโลกราชะ : ติโลกราชกับอำนาจเหนือดินแดนเหนือล่าง
หน้า ๘