Page 312 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 312

ตำนานพระแท่นศิลาอาสน์ เมืองทุ่งยั้ง

                                                        ั
                                             ั
               คัดจากหนังสือ ประวัดพระแท่นฯ วดพระยืนฯ วดมหาธาตุทุ่งยั้ง ตามที่พระครูกอ ญาณวีโร พิมพ์ พ.ศ.
               ๒๕๐๘ มีข้อความดังนี้

                       พระพุทธเจ้าทรงยกพระหัตถ์ลูบพระเศียรเกล้าพระเกศาก็หล่นลงเส้นหนึ่ง แล้วพระองค์ก็ทรงยืนให้

               พระอรหันต์ พระอรหันต์ก็ยื่นให้แก่พระยาอโศกมหาราช พระยาอโศกมหาราชก็บรรจุไว้ในถ้ำทุ่งยั้งนี้ แลว
                                                                                                         ้
               พระพุทธเจ้าจึงมีพระพุทธฎีกา ตรัสเทศนาพยากรณ์ทำนายไว้ในเบื้องหน้าว่า  เมื่อตถาคตนิพพานล่วงไปแล้ว

                                                   ุ
               จะมีกษัตริย์องค์หนึ่งจะนำเอาพระบรมธาตของตถาคตมาบรรจุไว้ในถ้ำที่นี้ ครั้นล่วงศาสนาพระตถาคตไปแลว
                                                                                                        ้
               ถึงศาสนาพระโกนาคมน์และพระศาสนาพุทธกัสสปและศาสนาพระสมณะโคดมและศาสนาพระศรีอริยเมตไตย

               ก็จะมีกษัตริย์องค์หนึ่ง ๆ นำเอาพระบรมธาตุมาบรรจุไว้ในฐานที่นี้ทุกๆ พระองค์ ในศาสนาของเรานี้แล

                                                                                                     ็
                                                                                    ู
                       พระเรวตเถรและพระอรหันต์เจ้าทั้งหลายเมื่อได้เห็นดังนั้นก็ยอกรนมัสการทลถามพระองค์สมเดจพระ
               บรมศาสดาจารย์จึงมีพุทธฎีกาตรัสทำนายว่า “ดูกรสงฆ์ทั้งปวง ลงมาเล็งแลดูสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้เถิด ในเมื่อ
               พระตถาคตเสด็จเข้าสู่ปรินิพพานล่วงไปแล้ว พระบรมธาตุแห่งพระตถาคตจะได้มาบรรจไว้ในเมืองทุ่งยั้งนี้
                                                                                          ุ
               มหาชนทั้งหลายอันอยู่ในเมืองปุรทิศ และทักษิณทิศ และปัจฉิมทิศ ก็จะชักชวนกันมาตั้งบ้านตั้งเมืองอยู่ในฐาน

               ที่นี้  ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ ในกาลเมื่อพระพุทธศาสนาแห่งพระสัพพัญญูเจ้าล่วงได้ ๒๐๐๐ ปีปลาย นั้นไซร้  พระ
               ยาทรายทองก็จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในโลกนี้ ท่านนั้นคุ้นเคยกับท้าวพระยา นักปราชญ์ ราชบัณฑิตทั้งหลาย ก็

               จะมาทำนุบำรุงพระศาสนาในเมืองทุ่งยั้งนี้ให้รุ่งเรืองถาวรไปภายหน้า และท่านนั้นจะได้สดับรับฟังพระ

                                   ี
               สัทธรรมเทศนาและจำศลภาวนามาแตชาติก่อน มีปัญญาเฉลียวฉลาดรู้จักบาปบุญคณโทษ ประโยชน์และมิใช    ่
                                               ่
                                                                                    ุ
                                                        ี
               ประโยชน์  ท่านนั้นละเคหาวาสออกบวชเป็นชแลขานั้นลาย  ท่านจึงชักชวนท้าวพระยาและนักปราชญ์
               ทั้งหลาย มาซ่อมแซมพระศาสนาในเมืองทุ่งยั้งนี้ให้รุ่งเรือง  ภิกฺขเวดูกรสงฆ์ทั้งหลาย ในขณะนี้อันว่าสัตว์
               ทั้งหลายหมู่นั้นอันมีอยู่อรัญญ์ราวป่าซึ่งจะเป็นริวารแห่งพระยาทรายทองแต่ก่อนนั้นก็จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์
               อันประกอบด้วยสีลาจารวัตต์สิ้นด้วยกัน และสัตว์ทั้งหลายคือราชสีห์ ช้าง เสือ นกสาลิกา นกแขกเต้า กระจ้อน

               กระแต พร้อมด้วยบริวารก็ได้กลับชาติเกิดเป็นมนุษย์ตามพวกตามเหล่าเป็นคณะๆ ด้วยกันทั้งสิ้น และมนุษย์

               ทั้งหลายเหล่านั้นถึงแม้จะเกิดในที่ไกลได้ ๕๐ โยชน์ก็ดี ๑๐๐ โยชน์ก็ดี ชนเหล่านั้นก็พาซึ่งบุตรภรรยามาจาก
               ทิศานุทิศ มาตั้งบ้านแลเรือนอยู่ในฐานที่นี้ อันว่าพระศาสนานี้ถึงแม้ว่าสมณะผู้เชี่ยวชาญรอบรู้หลักนักปราชญ์ก็

                                                                   ่
                                                                                  ้
                                                                                               ั
                            ี่
                                                   ้
               มิอาจสามารถทจะทำนุบำรุงให้รุ่งเรืองขึ้นไดเลย เหตุว่าคนเหลานี้มิพร้อมใจกัน ดวยเพราะมิเคยชกชวนกันมา
                                                                                                      ่
               แต่กาลก่อน เมื่อใดพระมหาเถรกาเรไทยว่าจะกระทำกิจการอันใดๆ ก็ดี เต ชนา ฝ่ายว่าชนทั้งหลายเหลานั้น
                                                                                                   ้
               ครั้นรู้พระพฤติเหตุว่าพระชขาลายจะกระทำสิ่งไรแล้ว ก็ชักชวนกันมาทำนุบำรุงพระศาสนาพร้อมกับดวยพระ
                                      ี
               ยาทรายทองให้รุ่งเรืองปรากฏไปในอนาคตกาลเบื้องหน้า  อะปะระภาเค  ครั้นนานไปในอนาคตกาลภายหน้า
               คนทั้งหลายก็ชักชวนกันมาตั้งบ้านเรือนอยู่มากมายหนักหนาในเมืองทุ่งยั้งนั้น  ตะโต ปัฏฐายะ จำเดิมแตนั้นไป
                                                                                                     ่
                             มหาสรีธัมมติโลกราชะ : ติโลกราชกับอำนาจเหนือดินแดนเหนือล่าง


                                                        หน้า ๒๔
   307   308   309   310   311   312   313   314   315   316   317