Page 555 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 555
๓. แผนที่สมัยรัตนโกสินทร ์
ในสมัยรัตนโกสินทร์ยังปรากฏคำว่า Metac ในแผนที่ Regni d’Aracan del Pegu di Siam di
Camboge e di Laos (ขนาด ๓๙๗ x ๓๑๘ มม.) โดย อานโตนิโอชาตตา (Antonio Zatta) นักแผนที่ชาว
ี่
อิตาลี จากสมุดแผนที่ Atlante novissimo ภาคที่ ๔ พิมพ์ครั้งแรกทกรุงเวนิส ประเทศอิตาลี พ.ศ. ๒๓๒๘
(ค.ศ. ๑๗๘๕) ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ แผนที่ปรับปรุงใหม่
พ.ศ. ๒๓๓๘ (ค.ศ. ๑๗๙๕)
นี่เป็นแผนที่ฝรั่งแรกที่พิมพ์ขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ แต่ข้อมูลเกี่ยวกับสยามยังคงเป็นข้อมูลเก่าสมัยกรุง
์
ี่
ศรีอยุธยา จะว่าไปแล้ว แผนที่สยามที่เขียนโดยชาวยุโรปตั้งแตคริสตศตวรรษที่ ๑๘ ถึงต้นคริสต์ศตวรรษท ๑๙
่
(กลางพุทธศตวรรษที่ ๒๔) มีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก สาเหตุเพราะหลังแผ่นดินสมเด็จพระนารายณมหาราช
์
แทบไม่มีชาวยุโรปหลงเหลือในสยาม จะมีก็แต่ชาวฮอลันดาที่ได้รับอนุญาตให้คงอยู่ในราชอาณาจักร และมีชาว
ยุโรปเพียงไม่กี่คนที่เดินทางเข้ามาหลังจากนั้น ในจำนวนนี้ผู้ที่โดดเด่นสุดเห็นจะเป็น เอนเจิมเบิร์ต แกมป์เฟอร์
(Engelbert Kaemfer) นายแพทย์ชาวเยอรมันที่เข้ามาสยามพร้อมกับคณะบริษัทอินเดียตะวันออกของ
ฮอลันดา (VOC) ในปี พ.ศ. ๒๒๓๓ (ค.ศ. 1690) และเป็นผู้แต่งหนังสือเล่มสำคัญ The History of Japan
…Togeter with a Description of the Kingdome of Siam หรือที่รู้จักกันในนาม “จดหมายเหตุหมอแกมป์
เฟอร์”
การที่ชาวฮอลันดายังคงมีบทบาทและความสัมพันธ์ที่ดีกับทางราชสำนักอยุธยา น่าจะทำให้พวกเขา
ได้รับทราบข้อมูลการเปลี่ยนแปลงภายในราชอาณาจักร มีผลให้ช่วงเวลาดังกล่าว ได้มีการจัดทำแผนที่สยาม
ขึ้นมาหลายแผ่นโดยชาวฮอลันดา อาทิ แผนที่โดย ปิแอร์ ฟาน เดอ อา (Pierre van der Aa) พ.ศ. 2256
(ค.ศ. 1713) ที่ได้เขียนถึงก่อนหน้า แผนที่โดย ไอแซค ไทริออน (Issak Tirion) พ.ศ. ๒๒๗๓ (ค.ศ. ๑๗๓๐)
แผนที่โดย จาคอบ ไคเซอร์ (Jacob Keizer) พ.ศ. ๒๒๙๐ (ค.ศ. ๑๗๔๗) และแผนที่โดยสตีเฟน เอสเวลต ์
(Steven van Esveldt) ราว พ.ศ. ๒๓๓๗ (ราว ค.ศ. ๑๗๙๔) ชาวยุโรปเริ่มกลับเข้ามาในสยามอีกครั้งในปลาย
รัชสมัยสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เริ่มด้วย จอห์น ครอว์เฟิร์ด (John Crawfurd) ทูตอังกฤษที่เข้ามาว่า
ความเจรจากับราชสำนักสยามในปี พ.ศ. ๒๓๖๕ (ค.ศ. ๑๘๒๒)
แผนที่ให้ความสำคัญกับเมืองกำแพงเพชร (Campeng) เกือบเท่ากรุงศรีอยุธยา (Siam,Juthia) หัว
้
ี่
เมืองทางใตที่แผนทกำหนดสัญลักษณ์บ่งบอกฐานะความสำคัญคือ มะริด (Mergui) ตะนาวศรี (Tenasserim)
นครศรีธรรมราช (Ligor) เคดะห์ (Queda) และปัตตานี (Patane) น่าสังเกตว่าเชียงใหม่ ไม่ปรากฏในแผนท ี่
เหตุก็คงเพราะผู้เขียนยังสับสน เมืองเชียงใหม่ กับ “ทะเลสาบเชียงใหม่” (L. Chiamay) ทะเลสาบในตำนาน
ที่ถูกวางตำแหน่งอยู่บริเวณพรมแดนอาณาจักรอังวะและอัสสัม (Assem) ในแผนท ี่
ข้อสังเกตประการหนึ่งคือ ผู้เขียนแผนที่ในสมัยนั้นมักเขียนชื่อทางภูมิศาสตร์ตามความเข้าใจของ
ตนเอง เราจึงพบว่า แทนที่จะเขียนชื่อ แม่น้ำเจ้าพระยา กลับเขียนว่า Menan F.โดย F. ย่อมาจากคำภาษา
อิตาลี Fiume หมายถึงแม่น้ำ บ้างก็เรียกชื่อแม่น้ำตามเมืองสำคัญที่ไหลผ่าน เช่น แม่น้ำตะนาวศรี
(Tanasserim F.) แม่น้ำอังวะ (Ava F.) ซึ่งก็คือแม่น้ำอิระวดี แม่น้ำพะโค (Pegu F.) ซึ่งก็คือแม่น้ำสะโตง เป็น
ต้น ชื่อของแหลมที่ยื่นยาวออกไปในอ่าวสยามก็เช่นเดียวกัน ในแผนที่เขียนว่า C. Liam หรือ แหลม โดย c. ย่อ
มาจาก Capo ซึ่งหมายถึงแหลมในภาษาอิตาลีนั้นเอง อนึ่ง C. Liam ในแผนที่นี้คือ แหลมแสมสาร
การศึกษาเปรียบเทียบสมมุติฐานเมืองซาก (ทราก) ฯ
หน้า ๖๙