Page 584 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 584

๑.๓ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์
                                                                                                         ี่
                              พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ได้ระบุเหตุการณ์ท
               พระเจ้าติโลกราชตีเมืองชากังราวได้ ความว่า“ศักราช ๘๑๓ มะแมศก ครั้งนั้น มหาราชมาเอาเมืองชากังราวได  ้
               แล้วจึงมาเอาเมืองสุโขทัย เข้าปล้นเมืองมิได้ ก็เลิกทัพกลับ” เมื่อนำเอกสารตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่และบันทึก

               ตำนานฉบับเก๊าพระเจ้ายอดคำทิพย์ วัดลับแลงหลวง พบว่า ศักราชที่ระบุตรงกันกับเนื้อความที่ระบุใน
               พระราชพงศาวดาร ในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ระบุว่า “ในปลีรวงเม็ด เดือน ๕ ออก ๑๓ ฅ่ำ วันอังคาร ไชยา
               ติตถี” พระเจ้าติโลกราชได้ยกทัพมาค้ำพระญายุทธิษฐิระ และปีเดียวกันนั้นเอง ช่วงการยกทัพกลับของพระเจ้า

               ติโลกราชที่ได้หยุดพักกระบวนทัพที่กองหาน อุปนิกขิตของฝั่งเชียงใหม่ได้กราบทูลพระเจ้าติโลกราชว่า
                                                                                        ู้
                                                                  ์
                                                                                       ้
               ชาวชคราวจะมาลอบซุ่มโจมตี พระองค์จึงยกทัพด้วยพระองคเองไปตชาวชคราวและไดผคนชาวชคราวมาดวย
                                                                        ี
                                                                                                       ้
               จากเหตุการณ์ดังกล่าวผู้ศึกษาได้วิเคราะห์แล้วว่า คำว่า ชคราวและชากังราวคือรากคำศัพท์เดียวกันที่รับมา
               จากภาษาเขมรอันมีความหมายว่าแอ่งน้ำหรือหนองน้ำขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งมีความตรงกัน
               กับบันทึกตำนานฉบับเก๊าพระเจ้ายอดคำทิพย์ วัดลับแลงหลวง ที่ว่า “ครั้นมาเถิงจุลศักราชได้ ๘๑๓ ตัว ศาสนา
                                                                                                         ั่
               ล่วงไปแล้ว พุทธศักราชได้ ๑๙๙๔ ในปีรวงเม็ดเดือน ๖ เหนือ เป็ง ๑๐ ค่ำ ยามตะวันลับลงแลงฟ้าฮ่ามแดงดง
                                                                                            ้
               ผ้าบันธุกัมพะอินตา ดั่งเตวดาลงมายายผ้าแดงงามหยาดจากฟ้าสวาดลงดิน รอรับต้อนพลเศิกชางม้าเสนาหลวง
               หลายก็ย่ำเถิงยังเขตแคว้นเวียงสระหนองหลวง เป็นเหตุอันวิสเกสุกใส ชาวเวียงสระหนองก็พากันไห้ห่มขวัญ

               กลัว ตนพระญาก็สั่งพลเสิกเข้าล้อมตีเอาเวียง ตนแก้วกุ้มหล้าพระญาเวียงหนอง ก็คุมพลเข้าสู้ใคว่นับข้าวได ๒
                                                                                                       ้
                                                                                                       ้
               วัน ฝูงชายหาญพลเศิกแลชาวเวียงก็วำวายตายละเรือนนอนโฮงหอและพิหารอารามใหญ่น้อยก็ไหม้หมองตอง
               เหล้มปืนไฟอันไหลดั่งห่าฝน”
                              ดังนั้นเหตุการณ์ที่พระเจ้าติโลกราชตีเมืองชากังราวได้เมื่อจุลศักราช ๘๑๓ (พุทธศักราช

               ๑๙๙๔) น่าจะเป็นเหตการณ์เดียวกันกับที่พระเจาติโลกยกทัพไปตชาวชคราวในตำนานพื้นเมืองเชยงใหม่และ
                                  ุ
                                                                      ี
                                                                                                ี
                                                       ้
                                                                                                      ี
                   ุ
               เหตการณ์ที่ระบุในบันทึกตำนานฉบับเก๊าพระเจ้ายอดคำทิพย์ วัดลับแลงหลวงโดยพิจารณาจากศักราชท่ระบุ
               รวมถึงและช่อเมืองท่ปรากฏนั้น “เวียงสระหนองหลวง” ซึ่งมีความหมายเดยวกันกับคำว่า “ชากังราว,ชคราว
                          ื
                                 ี
                                                                              ี
               ที่บันทึกการอ่านออกเสียงตามรากศัพทคำว่า สระตราว,สระกราว ของภาษาเขมรโบราณทแปลว่าว่าหนองน้ำ
                                                                                          ี่
                                                ์
               ขนาดใหญ่นั้นเอง

                       ๒. เอกสารที่ถูกแปลความมาจากเอกสารประวัติศาสตรต่างประเทศ
                                                                     ์
                              ๒.๑ จดหมายเหตุลาลูแบร์ ราชอาณาจักรสยาม
                              เอกสารจดหมายเหตุลาลุแบร์ ได้ปรากฏหลักฐานเกี่ยวข้องกับเมืองซาก (ทราก) ความว่า
                              ในหัวข้อที่ ๗ เมืองอื่น ๆ บนเส้นแม่น้ำ ว่า “ตำบลสำคัญ ๆ ที่แม่น้ำสายนี้ไหลผ่าน คือ แม่
               ตาก (Mê-Tac) อันเป็นเมืองเอกของราชอาณาจักรสยามทั้งตั้งอยู่ทิศเหนือหนพายัพ”

                              “เมืองแม่ตาก นั้นกล่าวกันว่า เป็นเมืองที่มีเจ้าสืบวงศ์ครอบครอง ขึ้นต่อพระเจ้ากรุงสยาม
               เรียกชื่อเจ้าผู้ครองว่า “พญาตาก (Pa-yà tac)





                                       การศึกษาเปรียบเทียบสมมุติฐานเมืองซาก (ทราก) ฯ
                                                         หน้า ๙๘
   579   580   581   582   583   584   585   586   587   588   589