Page 588 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 588

๓. จารึก
                              ๓.๑ จารึกวัดอโสการาม
                              ในจารึกวัดอโสการาม พ.ศ. ๑๙๕๖ ซึ่งจารึกโดยภาษาขอมบาลีในสมัยพระมหาธรรมราชาท   ี่
                                                                                                        ี
               ๒ (ไสลือ) โดยในจารึกระบุถึงขอบขัณฑสีมาของรัฐสุโขทัยและคำปริวรรต ว่า “ปจฺฉิมานุทิสาภาเค เอตํ รฏฺฐสมํ
                                                                                                       ั
               อกา อุตตเรกา ว รฏฐญจฺ..........ชวาชกํ รัฏฺฐสีมํ ถเปตฺวาน” ซึ่งปรากฏในจารึกด้านที่ ๒ ของจารึก ในบรรทดท  ี่
               ๑๕-๑๖ จากเนื้อความที่ปรากฏในจารึก ผู้ศึกษาได้ให้พระมหาธวัชชัย ทินฺโนภาโส (ปธ.๗) วัดราชมณเฑียร
               จังหวัดเชียงใหม่ แปลภาษาไทยพบว่าจารึกดังกล่าวกล่าวถึงว่า “บรรดาทิศน้อยใหญ่ทิศสุดท้าย ยังมีรัฐสีมา

               หนึ่งที่อยู่ทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นรัฐสีมาที่พระมหาธรรมราชา ได้สร้างรัฐสีมาชวาชกัง” เมื่อนำเนื้อความที่แปล
                                                                             ี่
                                                                                                        ั
               เป็นภาษาไทยนั้นมาวิเคราะห์พบว่า เมืองชวาชก เป็นเมืองที่นั้นเป็นเมืองทอยู่ในความปกครองของรัฐสโขทย
                                                                                                     ุ
                                                        ํ
                                                                                     ุ
                                                                              ิ
                        ิ
               ซึ่งตั้งอยู่ทศเหนือของศูนย์กลางอาณาจักรสุโขทย (ปัจจุบันคืออุทยานประวัตศาสตร์สโขทัย) เมื่อเทยบกับแผน
                                                      ั
                                                                                                ี
               ที่ปัจจุบันพบว่า ตำแหน่งเมืองโบราณที่อยู่ในทิศเหนือของรัฐสุโขทัยน่าจะเป็นตำแหน่งเมืองทุ่งยั้งและลับแล
               เนื่องจากพิจารณาจากบทความจากวารสารเมืองโบราณ ทุ่งยั้ง คือ นครสระหลวงในจารึกสุโขทัยพบว่าเมืองทง
                                                                                                         ุ่
               ยั้ง “เป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ไล่เลี่ยกันกับเมืองสุโขทัย ศรีสัชนาลัย และพิษณุโลก ทั้งยังมีโบราณสถาน
                                                         ี
                          ี่
               โบราณวัตถุทมีอายุอยู่ในสมัยสุโขทัยตอนต้นเช่นเดยวกัน ตลอดจนตั้งอยู่ในตำแหน่งทางภูมิศาสตร์การเมืองท ี่
               สัมพันธ์กับเส้นทางคมนาคมกับบ้านเมืองภายในและภายนอกได้รอบทิศและมีพบแหล่งโบราณคดีในบริเวณ
                                                                                                  ้
               เมืองทุ่งยั้งเพียงแห่งเดียวคือ เวียงเจ้าเงาะ ที่มีผู้พบกลองสำริดและภาชนะสำริดสมัยราชวงศ์ฮั่น ซึ่งไดนำมาจด
                                                                                                        ั
               แสดงไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ทำให้เกิดความคิดว่าเวียงเจ้าเงาะ คือ เมืองในสมัยก่อน
                                                                                                  ั
               ประวัติศาสตร์ที่มีอายุแต่ ๒,๐๐๐ ปีลงมา ดังนั้นเมืองชวาชกํที่ปรากฏใน จารึกวัดอโสการามผู้ศึกษาสนนิษฐาน
               ว่าน่าจะเป็นที่ตั้งของเมืองทุ่งยั้ง+ลับแลงซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของศูนย์กลางรัฐสุโขทัยตามภาพแผนที่ ๕๖





                                             ตำแหน่งที่ตั้งเมืองทุ่งยั้ง + ลับแลง






                                       ศูนย์กลางรัฐสุโขทัย








                                                                 ั
                                       ี่
                        ภาพที่ ๕๖ แผนท ตำแหน่งศูนย์กลางของรัฐสุโขทยกับตำแหน่งของเมืองทุ่งยั้งและลับแลง
                                           ที่มา : https://earth.google.com/web/
                @17.0264588,99.71120864,60.96035651a,6893.59582079d,35y,0h,0t,0r/data=Mic
                              KJQojCiExTTlkWEZsV1dDNXlTRndyaHRqVFczYkd6QkY3TFZlZFc


                                       การศึกษาเปรียบเทียบสมมุติฐานเมืองซาก (ทราก) ฯ
                                                        หน้า ๑๐๒
   583   584   585   586   587   588   589   590   591   592   593