Page 595 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 595
ี
ู้
ี่
ึ
ั
โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอลบแลเป็นพื้นทที่มีโอกาสเกิดดินถล่มอันดับ ๑ ด้วยเหตุผลข้อมูลทางธรณวิทยา ผศกษา
ุ
จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดเหตุอุทกภัยดินโคลนถล่มเรื่อยมา ๆ ตั้งแต่อดีตและเหตการณ ์
ี่
ก่อนทเจ้ายี่กุมกามมาอยู่เมืองซาก (ทราก) ที่ระบุในตำนานฉบับเก๊าพระยอดคำทิพย์ และครั้งล่าสุดเมื่อวันท ี่
๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ นั้นเอง
๓. ในเอกสารตำนานฉบับเก๊าพระเจ้ายอดคำทิพย์ วัดลับแลงหลวง ได้ระบุถึงตำแหน่งและ
อาณาบริเวณของเขตตัวเมืองซากแลยกพิหารอารามทั้งหลายในโขงแคว้นเขตเวียงสืบสันฐานดั่งหอยสังข์ไจยมง
คล มาใส่ไว้ที่เวียงซากสระหนองหลวง หว่างห้วยทะรากแก้วแม่จุมปู แลยกเอาสระหนองหลวงเป๋นด่งปากขุม
ั
ขอนสังข์ ยกเอาพิหารใหญ่เป๋นแนวสีมาเขตเวียง หื้อน้ำแม่ห้วยแก้วจุมปูไหลผ่าน แลน้ำแม่ห้วยทรายคำไหล
ล้อมหนวันออกมีวัดเจติยะพิหารอารามเป๋นแนวหนเหนือมีวัดช้างแล่นหัวข่วงสีมาราม แลริมตาฝั่งน้ำแม่ห้วย
แก้วจมปู เขตนาป่าส้มป่องป่าหมากหนามทูนเรียนมีนาป่าโป่งวัดเชตะวันพิหาร หนวันตกเบื้องเหนือมีวัดป่า
ไม้แดง ถัดล่องลงอว่ายวันตกมาแลเป๋นวัดเวฬวันพิหารป่าไผ่ ถัดล่องลงมายังหนวันตก เป๋นวัดตาละนาลิเกระ
ุ
ม่อนป่าป้าวป่าตาลจำบอนแลม่อนระสีดอยกั้ง และม่อนเกล๊าปู่เจ้าดอยสูงเป็นเขตบังยังวันตก ถัดวนล่องริไปหน
วันตกเบื้องใต้ มีวัดพนมม่อนสมพิหารปงจำน้ำ และหนใต้นั้น มีวัดมหาวันพิหารข่วงน้ำลอม แลสันดอยเกลาเจา
๊
้
้
ปู่เป็นแนวตุ้มเวียง ถัดมาเป็นวัดบุปผาราม ถัดวนขึ้นไปจบหนวันออกเบื้องใต้ มีหอไต้ แลก๋างเวียงมีพิหารสาย
ดือเวียงเป็นไจยเวียงริมตาฝั่งหนองสระหลวงนั้นแล” จากการลงพื้นที่ของผู้ศึกษาพร้อมคณะกรรมการศึกษา
ี่
ประวัติศาสตร์เมืองลับแล (เมืองลับแลง) พบว่าในเขตตำบลฝายหลวงในปัจจุบันพบแหล่งโบราณสถานททเป็น
ี่
วัดร้างและวัดปัจจุบันเป็นจำนวนมาก โดยทางทิศเหนือมีวัดใหม่เชียงแสน(สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัดวัดใหม่
ี
ช้างแล่นหัวข่วงสีมาราม) ,ทิศตะวันออกมีวัดเจดีย์คีรีวิหาร(สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัดเจติยะพิหารอารามครีเขต
พระมหาธาตุกลางเวียง),ทิศใต้มีวัดดอนสัก(สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัดบุปผาอารามสวนดอกไม้สัก) ทิศตะวันตก
ิ
มีวัดม่อนใหญ่ วัดร้างม่อนน้อย(สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัดมหาพิหารข่วงน้ำล้อมและวัดเวฬุวันป่าไผ)ทศ
่
ุ
ตะวันตกเฉียงใต้มีศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดม่อนธาต(สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัดพนมสมอพิหาร) ทิศตะวันตกเฉียงใต ้
ี่
มีวัดร้างหนองอ้อ(สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัดตาละนาริเกระ(วัดป่าตาล) พบบ่อน้ำดินจที่ม่อนพร้าว (สนนิษฐาน
ั
ี
้
ว่าน่าจะเป็นวัดป่าพร้าว) ทิศตะวันตกมีม่อนฤาษี และดอยห้วยปู่เจา(สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นม่อนระสและม่อน
เกล๊าปู่เจ้าซึ่งเป็นสันเขาแบ่งเขตอำเภอลับแลกับอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย) ทิศตะวันตกเฉียงเหนือมีวัด
ร้างต้นแหน (สันนิษฐานน่าจะเป็นวัดป่าไม้แดง) ริมห้วยแม่พร่องมีวัดร้างนาปง (สันนิษฐานว่าน่าจะเป็น
วัดเชตะวันพิหาร) และตรงกลางของตำบลฝายหลวงมีวัดท้องลับแลหรือวัดลบแลง (สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัด
ั
สายดือเวียง) และเมื่อนำจุดตำแหน่งที่ตั้งของโบราณสถานที่กล่าวมาข้างต้น พบว่ามีลักษณะคล้ายหอยสังข์
ตามทเอกสารบันทึกตำนานฉบับเก๊าพระเจ้ายอดคำทิพย์ วัดลับแลงหลวงได้ระบุซึ่งคงจะถือเอาคติที่ว่าหอยสงข์
ั
ี่
ั
คือสัญลักษณ์แห่งชยชนะของพระนารายณ์ทเป็นอวตารของพระวิษณเป็นผบงการให้บริวารจับพระยานาคพัน
ี่
ู้
ุ
รอบเขาพระสุเมรุ ดังนั้น หอยสังข์จึงเกี่ยวโยงโดยทางอ้อมทางความคิดระบบภูมิจักรวาลอันมีเขาพระสเมรุเป็น
ุ
ศูนย์กลาง ซึ่งเป็นต้นฉบับการวางผังเมืองที่สำคัญยิ่งโดยพิจารณาตามภาพท ๕๖ แผนทแนวเขตสันนิษฐาน
ี่
ี่
กำแพงเมืองเก่าและแนวเขตสันนิษฐานท้องเมืองลับแล
การศึกษาเปรียบเทียบสมมุติฐานเมืองซาก (ทราก) ฯ
หน้า ๑๐๙