Page 21 - C:\Users\Acer\Documents\Flip PDF Professional\ebook\
P. 21
แปล
วรรณศิลป์
นางมัทรีก็รู้สึกเศร้ามาก จนสติหลุดนางคร ่าครวญโศกเศร้าในอกของ
รัศมีพระจันทร์ก็มัวหมอง =บุคคลวัติ
นาง นางร้องไห้ค ่าจรดเช้า นางพยายามตามหาลูกทุกหนแห่ง ทุกต าบล
ละห้อยโหย = จินตภาพด้านการเคลื่อนที่
ทุกห้วยคลอง ทุกหุบเหว เสียงนางที่คร ่าครวญหาลูกของนางท าให้สัตว์ทุก
ตัวเศร้าหมอง กิ่งไม้ก็โบกพัดตามลมที่โศกเศร้าไป เงาของพระจันทร์ก็มัว พระนางเธอเสวยทุกข์แสนเข็ญ = อาวัตพากย์
หมองเหมือนความโศกเศร้าของนาง จากนั้นพระนางมัทรีก็เริ่มหมดแรง เจ้าดวงสุริยันจันทร = อุปลักษณ์
เพราะนางตะโกนถามหาลูกตั้งแต่เย็นจนรุ่งเช้าและก็ได้เข้าไปหาพระเวสสันดร ถวายบังคมลาลุกเลื่อนเขยื้อนยกพระบาทเยื้อง
และคร ่าครวญต่ออีกว่า แม่ไม่รู้ว่าทั้งสองกุมารจะหนีแม่ไปไหน หรือข้ามไป
ย่าง = จินตภาพด้านการเคลื่อนที่
พรมแดนถิ่นไหน ถ้าแม่รู้ก็จะตามเจ้าไปที่นั่น เมื่อเช้าแม่ยังจูบหน้าผากลูกทั้ง
ดุจ = อุปมา
สองอยู่เลย แล้วคืนนี้ใครจะนอนเคียงข้างแม่ ใครจะฟังนิทานที่แม่เล่า โอ้แม่นี้
ดูเเลเจ้าทั้งสองมาตั้งแต่เด็ก ฝากฝังให้ผีช่วยดูเเล แต่ตอนนี้เจ้าทั้งสองไม่อยู่
แล้วเหลือเพียงแค่ชื่อและหน้าตาในอกแม่ผู้นี้ และก็ได้หมดแรงล้มลงต่อ
หน้าพระเวสสันดร
18