Page 20 - C:\Users\Acer\Documents\Flip PDF Professional\ebook\
P. 20
เนื้อเรื่อง
ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงพรหมจารี เมื่อสมเด็จพระมัทรีก าสรดแสนกัมปนาทเพียงพระสันดานจะขาดจะดับสูญ ปริเทวิตฺวา นางเสวยพระอาดูรพูนเทวษในพระอุรา
น ้าพระอัสสุชลนาเธอไหลนองครองพระเนตร ทรงพระกันแสงแสนเทวษพิไรร ่า ตั้งแต่ประถมยามค ่าไม่หย่อนหยุดแต่สักโมงยาม นางเสด็จไต่เต้าติดตามทุกต าบลละเมาะไม้ไพร
สณฑ์ศิขริน ทุกห้วยธารละหานหินเหวหุบก้องคูหาวาส ทรงพระพิไรร้องก้องประกาศเกริ่นส าเนียง พระสุรเสียงเธอเยือกเย็นระย่อทุกอกสัตว์ พระพายร าเพยทุกกิ่งก้านบุษบง
ก็เบิกบานผกากร รัศมีพระจันทร์ก็มัวหมองเหมือนหนึ่งจะเศร้าโศกแสนวิปโยคเมื่อยามปัจจุสมัย ทั้งรัศมีพระสุริโยทัยส่องอยู่รางๆขึ้นเรืองฟ้ า เสียงชะนีเหนี่ยวไม้ไห้หา
ละห้อยโหย พระก าลังนางก็อิดโรยพิไรร ่าร้อง พระสุรเสียงเธอกู่ก้องกังวานดง เทพเจ้าทุกพระองค์กอดพระหัตถ์เงี่ยพระโสตสดับสาร พระเยาวมาลย์เธอเที่ยวหาพระลูก พระ
นางเธอเสวยทุกข์แสนเข็ญ ตั้งแต่ยามเย็นจนรุ่งเช้าก็สุดสิ้นที่จะเที่ยวค้น ทุกต าแหน่งแห่งละสามหนเธอเที่ยวหา ปณฺณรสโยชนมคฺคํ ถ้าจะคลี่คลาย ขยายมรคาก็ได้สิบห้า
โยชน์โดยนิยม นางจึ่งเซซังเข้าไปสู่พระอาศรมบังคมบาทพระภัสดา ประหนึ่งว่าชีวาจะวางวายท าลายล่วง สองพระกรเธอข้อนทรวงทรงพระกันแสงครวญคร ่าแล้วร าพันว่า โอ้
เจ้าดวงสุริยันจันทรทั้งคู่ของแม่เอ่ย แม่ไม่รู้เลยว่าเจ้าจะหนีพระมารดาไปสู่พาราใดไม่รู้ที่ หรือว่าข้ามนทีทะเลวนหิมเวศประเทศทิศแดนใด ถ้ารู้แจ้งประจักษ์ใจแม่ก็จะตามเจ้าไป
จนสุดแรง นี่ก็เหลือที่แม่จะเที่ยวแสวงสืบเสาะหา เมื่อเช้าแม่จะเข้าไปสู่ป่า พ่อชาลีแม่กัณหายังทูลสั่งแม่ยังกลับหลังมาโลมลูบจูบกระหม่อมจอมเกล้าทั้งสองรา กลิ่นยังจับนาสา
อยู่รวยรื่น โอ้พระลูกข้านี้จะไม่คืนเสียแล้วกระมังในครั้งนี้ กัณหาชาลีลูกรักแม่ นับวันแต่ว่าจะแลลับล่วงไปเสียแล้วหนอ ใครจะกอดพระศอเสวยนมผทมด้วยแม่เล่า ยามเมื่อแม่
จะเข้าที่บรรจถรณ์ เจ้าเคียงเรียงหมอนนอนแนบข้างทุกราตรี แต่แม่นี้จะกล่อมใครให้นิทรา โอ้แม่อุ้มท้องประคองเคียงเลี้ยงเจ้ามาก็หมายมั่น ส าคัญว่าจะได้อยู่เป็นเพื่อนยากจะ
ฝากผีพึ่งลูกทั้งสองคน มิรู้ว่าจะกลับวิบัติพลัดพรากไม่เป็นผลให้อาเพศผิดประมาณ เจ้าเอาแต่ห่วงสงสารนี่หรือมาสวมคล้องให้แม่นี้ติดต้องข้องอยู่ด้วยอาลัย เจ้าทิ้งชื่อและโฉม
ไว้ให้เปล่าอกในวิญญาณ์ เมื่อเช้าแม่จะเข้าไปสู่ป่ายังได้เห็นหน้าเจ้าอยู่หลัด ๆ ควรและหรือมาสลัดแม่นี้ไว้ เหมือนจะเตือนให้แม่นี้บรรลัยเสียจริงแล้ว ควรจะสงสารเอ่ยด้วยนาง
แก้วกัลยาณี น้อมพระเกศีลงทูลถามหวังจะติดตามพระลูกรักทั้งสองรา กราบถวายบังคมลาลุกเลื่อนเขยื้อนยกพระบาทเยื้องย่าง พระกายนางให้เสียวสั่นหวั่นไหวไปทั้ง
องค์ ดุจชายธงอันต้องก าลังลมอยู่ลิ่ว ๆ สิ้นพระแรงโรยเธอโหยหิวระหวยทรวง พระศอเธอหงุบง่วงดวงพระพักตร์เธอผิดเผือดให้แปรผัน จะทูลสั่งก็ยังมิทันที่ว่าจะทูลเลย แต่
พอตรัสว่าพระคุณเจ้าเอ๋ยค าเดียวเท่านั้น ก็หายเสียงเอียงพระกายบ่ายศิโรเพฐน์ พระเนตรหลับหับพระโอษฐ์ลงทันที เวสํฺญ หุตฺวา นางถึงวิสัญญีสลบลงตรงหน้าฉาน ปาน
ประหนึ่งว่าพุ่มฉัตรทองอันต้องสายอัสนีฟาดขาดระเนนเอนแล้วก็ล้มลงตรงหน้าพระที่นั่งเจ้า นั้นแล ฯลฯ
17