Page 143 - จดหมายเหตุ final-2
P. 143
พุทธศักรำช ๒๔๕๙ ได้น�ำมณฑลเพชรบูรณ์มำรวมกับมณฑลพิษณุโลก และได้ยุบเลิกกำร
ั
ปกครองแบบมณฑลเทศำภิบำลต้งแต่พุทธศักรำช ๒๔๗๖ เป็นต้นมำ
ี
ั
ึ
ื
ด้านการทหาร เน่องจำกมณฑลพิษณุโลกมีท่ต้งอยู่ชำยแดน ซ่งมักจะเกิดกรณีพิพำท
ั
กับประเทศฝร่งเศสท่เข้ำไปมีอิทธิพลในประเทศลำว พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัวจึง
ี
ทรงมีพระประสงค์ที่จะพัฒนำมณฑลพิษณุโลกให้เจริญก้ำวหน้ำในด้ำนต่ำง ๆ รวมทั้งพัฒนำด้ำนทหำรให้
ื
เข้มแข็ง เพ่อรักษำควำมปลอดภัยของประเทศ ดังน ้ ี
ึ
พุทธศักรำช ๒๔๓๘ ได้จัดต้งกรมบัญชำกำรทหำรบกข้นในมณฑลพิษณุโลก เพ่อให้ท�ำหน้ำท ี ่
ั
ื
รักษำควำมปลอดภัยและดูแลทุกข์สุขของประชำชน
พุทธศักรำช ๒๔๔๖ กรมยุทธนำธิกำรได้จัดท�ำข้อบังคับลักษณะกำรเกณฑ์ทหำรข้นใช้เป็น
ึ
ิ
ั
ึ
คร้งแรก และเร่มทดลองใช้ในมณฑลพิษณุโลก มณฑลนครสวรรค์ และมณฑลรำชบุรี ซ่งปรำกฏว่ำได้ผลด ี
ึ
พุทธศักรำช ๒๔๔๘ ได้ตรำพระรำชบัญญัติลักษณะกำรเกณฑ์ทหำรข้นเป็นกำรถำวร
ี
ให้มณฑลพิษณุโลกปฏิบัติตำมพระรำชบัญญัติฉบับน้ ต้งแต่วันท่ ๙ สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๔๔๘
ี
ั
ื
ั
และได้ก�ำหนดก�ำลังทหำรในสมัยน้นเพ่อใช้ในกำรป้องกันประเทศไว้ว่ำ จะต้องจัดให้ได้ ๑๐ กองพล
ี
ั
ี
ในจ�ำนวนน้กองพลท่ ๗ ต้งอยู่ในมณฑลพิษณุโลก มีทหำรเหล่ำต่ำง ๆ ดังน้ ทหำรรำบ ๒ กรม
ี
ทหำรพรำน ทหำรปืนใหญ่ ทหำรช่ำง และทหำรพำหนะอย่ำงละ ๑ กรม กับกองพยำบำล ๑ กอง
ึ
พุทธศักรำช ๒๔๕๔ ทรงจัดหน่วยทหำรให้มีขนำดใหญ่ข้นเป็น “กองทัพ” กองพลท่ ๗
ี
ี
ทมณฑลพิษณุโลกน้นเป็น ๑ ใน ๓ กองพล ของกองทัพท่ ๒
ี
่
ั
พุทธศักรำช ๒๔๖๐ มณฑลพิษณุโลกได้ส่งทหำรไปร่วมรบกับฝ่ำยสัมพันธมิตรในสงครำมโลก
ครั้งที่ ๑
ั
�
พุทธศักรำช ๒๔๗๒ เกิดเศรษฐกิจตกต่ำท่วโลก พระบำทสมเด็จพระปกเกล้ำเจ้ำอยู่หัว ทรงได้
ยุบขนำดของหน่วยทหำรจำก “กองทัพ” เหลือเพียงกองพล
หลังพุทธศักรำช ๒๔๗๕ ประเทศไทยเปล่ยนแปลงกำรปกครองเป็นแบบประชำธิปไตย
ี
มณฑลพิษณุโลกถูกยุบเลิก แล้วมำใช้ระเบียบกำรบริหำรส่วนภูมิภำค จัดเป็นจังหวัดและอ�ำเภอ
โดยมีข้ำหลวงและคณะกรมกำรจังหวัดเป็นผู้บริหำรงำนภำยในจังหวัด ส่วนด้ำนทหำรยกเลิกกองพล
และกรมลงมำ เหลือเพียงกองพัน
๑๔๓

